AF ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์แตะ 3 หมื่นลบ. หรือโต 15%ใน 3 ปี,มั่นใจปีนี้กลับมาเทิร์นอะราวด์

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 18, 2016 13:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสามชัย เบญจปฐมรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไอร่า แฟคตอริ่ง (AF) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าภายใน 3 ปี (ปี 59-61) จะมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นเป็น 15% มาที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีวอลุ่มอยู่ที่ระดับ 20,000 ล้านบาท โดยบริษัทได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินการใหม่ เช่น การขยายฐานลูกค้าใหม่ไปยังผู้ประกอบการเอสเอ็มบี กลุ่มบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง หรือแม้แต่กลุ่มโทรคมนาคมที่อยู่ระหว่างการขยายโครงข่าย 3G-4G ในขณะนี้ เป็นต้น

อีกทั้งภาครัฐยังมีนโยบายส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าสู่ระบบมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการทำบัญชีเดียว จะทำให้เอสเอ็มอีเหล่านั้นมีความแข็งแกร่ง และความน่าเชื่อถือมากขึ้น สำหรับการกู้ยืมเงินเพื่อขยายการลงทุน จึงทำให้บริษัทฯรับอานิสงส์จากนโยบายดังกล่าวที่จะเจาะฐานลูกค้ากลุ่มนี้ได้ง่ายขึ้น

ดังนั้น บริษัทได้มีการเพิ่มจำนวนพนักงานฝ่ายขายและการตลาดอีกเท่าตัว และพัฒนาระบบ E-Factoring เพื่อรองการขยายตัวของปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้นตามนโยบายการขยายฐานลูกค้าใหม่ จากปัจจุบันบริษัทฯมีฐานลูกค้าเดิมในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และค้าปลีกกว่า 600 รายที่จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของธุรกิจ และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน (AEC)

“ในปีนี้เรามั่นใจว่า AF จะกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ จากการปรับกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้า บวกกับนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมผู้ประกอบการ SME และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน งผลให้ผู้ประกอบการมีการขยายการลงทุน และมีความต้องการเงินทุน เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ ดังนั้นธุรกิจแฟคตอริ่งจึงที่มีความสัมพันธ์กับการเติบโตของธุรกิจเอสเอ็มอีที่จะมีการเติบโตตามไปด้วยกัน"นายสามชัย กล่าว

นายสามชัย กล่าวอีกว่า จากประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 20 ปี ของ AF ในด้านการดำเนินธุรกิจธุรกิจแฟคตอริ่ง และมีความแข็งแกร่งในด้านของฐานแหล่งเงินทุน ดังนั้นบริษัทจึงสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ระดับ 70-72% ต่อเนื่อง โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทจะมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากการซื้อสิทธิเรียกร้อง ประมาณ 80% และที่เหลือประมาณ 20% มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการรับ

สำหรับผลการดำเนินของบริษัทในปี 58 มีรายได้รวม 191.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรเป็นบวก แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจที่ยังทรงตัว ทำให้ปริมาณการซื้อขายสินค้าไม่เพิ่มขึ้นมากนัก ประกอบกับบริษัทยังคงมีนโยบายความเข้มงวดในการควบคุมคุณภาพลูกค้าด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ