(เพิ่มเติม) SAT ลดเป้ารายได้ปีนี้เหลือใกล้เคียงปีก่อนจากเดิมคาดโต 5%,ชะลอตั้งรง.ผลิตในตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 22, 2016 14:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สมบูรณ์แอดวานซ์ (SAT) ปรับลดเป้ารายได้ในปีนี้เหลือใกล้เคียงปีก่อน จากเดิมที่คาดจะเติบโตราว 5% เนื่องจากได้มีการปรับเป้าหมายยอดผลิตรถยนต์ในประเทศในปีนี้ลง โดยในไตรมาส 1/59 คาดว่ารายได้จะต่ำกว่าไตรมาส 1/58 ราว 5% ตามออร์เดอร์ที่ลดลง ส่วนกำไรเชื่อว่าจะรักษาไว้ในระดับได้ใกล้เคียงปีก่อนที่ทำได้ราว 641 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมแผนลงทุนในด้านการผลิตหลังจากได้รับออร์เดอร์โมเดลใหม่ของลูกค้า ส่วนการลงทุนตั้งโรงงานในต่างประเทศนั้นได้ตัดสินใจชะลอออกไปก่อน เนื่องจากไม่มั่นใจสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและความต้องการของลูกค้า

นายณัฐขจร ญาณภิรัต รองกรรมการผู้อำนวยการ สายการเงิน บัญชี และเทคโนโลยีสารสนเทศ SAT กล่าวว่า รายได้ในไตรมาส 1/59 คาดว่าจะลดลงราว 5% จาก 2.4 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้รับงานการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์กระบะมิตซูบิชิไทรทัน โมเดลใหม่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ผลิตชิ้นส่วนให้เกือบ 100% แต่คาดว่าแนวโน้มรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/59 เป็นต้นไปจะค่อยๆปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่ไตรมาส 3/59 จะมีการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของโมเดลใหม่เพิ่มเข้ามา

ในไตรมาส 3/59 บริษัทเตรียมลงทุนตั้งโรงงานใหม่ 2 โครงการ เพื่อรองรับโมเดลใหม่ของลูกค้าค่ายรถยนต์และลูกค้ารายใหม่ที่จะเข้ามาส่งผลต่อรายได้ของบริษัทในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีกว่าครึ่งปีแรก แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทำให้บริษัทปรับลดเป้ารายได้ปี 59 เหลือใกล้เคียงปีก่อนที่ 8.8 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าเติบโต 5-10% จากปีก่อน เพราะบริษัทประเมินว่ายอดผลิตรถยนต์ในประเทศปีนี้จะเท่ากับปีก่อนที่ 1.9 ล้านคัน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 2-2.1 ล้านคัน

ส่วนกำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 641.54 ล้านบาท จากงอัตรากำไรสุทธิยังเท่ากับปีก่อนที่ 7.23% แต่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะมากกว่าระดับ 14.48% ในปีก่อน เนื่องจากบริษัทรับรู้การผลิตชิ้นส่วนรถกระบะโตโยต้า รีโว เข้ามาเต็มปี จากปีก่อนที่เริ่มผลิตในไตรมาส 3/58 ซึ่งจะมีรายได้ในส่วนนี้เข้ามาเต็มปีกว่า 200 ล้านบาท จาก 50-100 ล้านบาทในปีก่อน โดยการผลิตชิ้นส่วนรถกระบะโตโยต้า รีโว ให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) ดี ประกอบกับบริษัทลดต้นทุนการผลิตและใช้กำลังการผลิตให้มีประสิทธิภาพ โดยปีนี้ยังมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ 60% ใกล้เคียงกับปีก่อน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น

นายณัฐขจร กล่าวว่า ด้านงบลงทุนในปีนี้บริษัทจะใช้ต่อเนื่องมาจากปีก่อนที่ 300 ล้านบาทสำหรับซื้อเครื่องจักรใหม่แบบเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต และปรับเครื่องจักรให้มีความเหมาะสมกับชิ้นส่วนรถยนต์ของลูกค้า

ส่วนการขยายการลงทุนในต่างประเทศบริษัทยังไม่มีแผนแน่นอนว่าจะลงทุนได้เมื่อใด โดยอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจต่างประเทศ และความต้องการของลูกค้าในต่างประเทศ โดยการลงทุนจะเป็นลักษณะการร่วมทุนกับพันธมิตรที่เป็นลูกค้าของบริษัทที่มีปริมาณการสั่งผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จำนวนมาก

“การลงทุนในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น AEC หรือที่อื่นๆ เราขอดูสถานการณ์ต่างๆ ก่อน เพราะตอนนี้สถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ กำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศก็ยังไม่ดีนัก ทำให้โครงการลงทุนก็ต้องชะลอไปก่อน ถ้าเราจะไปลงทุนคงเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรที่เป็นลูกค้าและมีออเดอร์เข้ามามาก แต่ตอนนี้ก็ยังชะลอไปก่อน ถ้ามีอะไรเราจะมาอัพเดทในไตรมาส 3 อีกครั้ง"นายณัฐขจร กล่าว

นายณัฐขจร กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 10% ในอนาคต จากปัจจุบันอยู่ที่ 2-3% หากมีการลงทุนโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในต่างประเทศเกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความสามารถในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินอยู่มาก โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.74 เท่า ในปัจจุบัน และมีนโยบายควบคุม D/E ไม่ให้เกิน 1 เท่า โดยการลงทุนในต่างประเทศคาดว่าจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 500 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ