TTA เชื่อปีนี้โอกาสพลิกกำไร,สรุปซื้อธุรกิจบำบัดน้ำเสียตปท.ใน H2/59-เล็งลดราคาใช้สิทธิวอร์แรนต์

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 24, 2016 14:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิทวัส เวชชบุษกร ผู้อำนวยการ สายงานการเงินและการบริหารการลงทุน บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้มีโอกาสพลิกกลับมามีกำไร จากปีก่อนที่ขาดทุน 1.13 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัทอาจจะไม่ต้องบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่เงินสดเหมือนในปีก่อนที่บันทึกสูงถึง 1.15 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปีก่อนขาดทุนอย่างมาก

“ส่วนรายได้ปีนี้คงไม่เติบโตหรือเท่ากับปีก่อนที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เพราะธุรกิจเดินเรือเทกองและธุรกิจถ่านหิน UMS ยังเป็นปัจจัยที่กดดันรายได้ แต่ส่วนใหญ่ธุรกิจเดินเรือจะกดดันมากที่สุด เพราะค่าระวางเรือในปีนี้ลดลงต่ำกว่าปีก่อนและภาวะการแข่งขันที่ยังอยู่ในระดับสูง ก็ส่งผลกระทบต่อบริษัท"นายวิทวัส กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าผลการดำเนินงานมีแนวโน้มที่ดีเนื่องจาก 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจวิศวกรรมเดินเรือของบมจ.เมอร์เมด มารีนไทม์ มีแนวโน้มการทำกำไรในปีนี้มากขึ้นกว่าปีก่อน และมีปริมาณงานเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ และยังมีการขยายฐานลูกค้าออกไปสู่กลุ่มลุกค้าในอิหร่านเพิ่มเติม จากที่ให้บริการกับกลุ่มลูกค้าซาอุดิอาราเบีย คือ กลุ่มซาอุดิอารัมโก

อีกทั้งธุกิจปุ๋ยและคลังสินค้าให้เช่าในเวียดนามภายใต้ บมจ.พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ (PMTA) ประเมินว่าปีนี้ยังคงมีการเติบโตทั้งรายได้และกำไรที่สูงขึ้นจากปีก่อนอย่างต่อเนื่องอีกทั้งยังมีการขยายพื้นที่เช่าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 8,000 ตารางเมตร จากปัจจุบันที่มีพื้นที่เช่าคลังสินค้าอยู่ที่ 42,000 ตารางเมตร ซึ่งทำให้ PMTA มีการเติบโตที่ดี

ส่วนธุรกิจเดินเรือเทกอง (TSG) ในปีนี้ยังมีแรงกกดันจากค่าระวางเรือที่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 5,000-6,000 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน จากปีก่อนที่ 7,500 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน เนื่องจากยังเผชิญกับภาวะโอเวอร์ซัพพลายด์ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้การใช้บริการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นปีนี้ธุรกิจเดินเรือเทกองอาจจะยังขาดทุนอยู่ เพราะค่าระวางเรือยังไม่ถึงจุดคุ้มทุนที่ 7,000-8,000 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทอาจพิจารณาขายเรือเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกองเรือทั้งหมด 23 ลำ อีกทั้งจะมีการเพิ่มรายได้และอัตรากำไร (มาร์จิ้น) จากการให้เช่าเรือเหมาลำให้กับลูกค้าบางรายที่มีออเดอร์เข้ามา

ขณะที่ธุรกิจถ่านหินภายใต้ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) ยังคงกดดันผลการดำเนินงานของบริษัทอยู่ เนื่องจากปริมาณการขายถ่านหินในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเล็กน้อยมาอยู่ที่ 200,000 ตัน จากปีก่อนที่ 190,000 ตัน อีกทั้งในปีนี้ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะต้องตั้งสำรองถ่านหินเก่าอีกหรือไม่ หลังจากปีก่อนตั้งสำรองไว้ที่ 270 ล้านบาท ซึ่งหากจะต้องมีการตั้งสำรองอีกก็คาดว่าจะลดลงจากปีก่อน

นายวิทวัส กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีแผนขายแม้ธุรกิจ UMS ออกไป แม้ว่าจะเผชิญภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ส่วนของผุ้ถือหุ้นติดลบและเกือบถูกเพิกถอนการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ แต่ปัจจุบันบริษัทได้แก้ปัญหาโดยการได้เพิ่มทุนให้กับบริษัท อะธีน โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TTA ที่เข้าไปถือหุ้นใน UMS ทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นของ UMS กลับมาเป็นบวก และการปรับโครงสร้างต่างๆ ประกอบกับวางกลยุทธ์ใหม่ด้วยการเน้นเพิ่มปริมาณขาย การใช้ประโยชน์ของสินทรัพย์ อย่างเช่น ท่าเรือและพื้นที่โรงงานเข้ามาผนวกกับโลจิสติกส์ เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการดำเนินงานของบริษัท และการลดต้นทุนการดำเนินงานให้ต่ำลงแล้ว

สำหรับแผนเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าซื้อกิจการทั้งหมด 2-3 แห่งทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในการซื้อธุรกิจบำบัดน้ำเสียในต่างประเทศขนาดประมาณ 500-600 ล้านบาทในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งเลื่อนไปจากกำหนดเดิมในครึ่งปีแรก โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่จะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทที่มีอยู่กว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทเตรียมงบสำหรับการเข้าซื้อกิจการไว้ที่ 9 พันล้านบาท

นายวิทวัส เปิดเผยอีกว่า บริษัทอยุ่ระหว่างการพิจาณาการปรับลดราคาใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ TTA-W4 และ TTA-W5 ที่เดิมกำหนดราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 17-18 บาท/หุ้น เนื่องจากเป็นราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายหุ้น TTA ในตลาดหลักทรัพย์ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 7 บาท/หุ้น โดยบริษัทจะปรับลดราคาแปลงสิทธิลงมาให้ใกล้เคียงกับราคาในตลาดหลักทรัพย์เพื่อจูงใจให้มาใช้สิทธิ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ