หุ้น CK, ITD, STEC ราคาขยับตัวขึ้น โดยเมื่อเวลา 10.07 น. หุ้น CK อยู่ที่ 25.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+1%) มูลค่าซื้อขาย 44.32 ล้านบาท
หุ้น ITD อยู่ที่ 7.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท (+1.39%) มูลค่าซื้อขาย 206.68 ล้านบาท
หุ้น STEC อยู่ที่ 22.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท (+1.38%) มูลค่าซื้อขาย 68.15 ล้านบาท
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ "ลงทุนมากกว่าปกติ" ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยมีปัจจัยหนุนจากงานภาครัฐที่จะเปิดประมูลใหม่มากกว่า 2 แสนล้านบาท น่าจะเป็นผลดีต่อการเซ็นงานใหม่ของผู้รับเหมารายใหญ่ ทั้งบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD), บมจ.ช.การช่าง (CK), บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC)
โดยเลือก CK และ STEC เป็นตัวเลือกหลัก ราคาพื้นฐาน 30 บาท และ 23.40 บาท โดย CK มีการกระจายความเสี่ยงธุรกิจที่ดีจากการลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภค ขณะที่ยังคงศักยภาพที่ดีในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ส่วน STEC ยังมีจุดแข็งจากงบดุลที่แข็งแกร่ง แทบไม่มีหนี้สินการเงิน ส่วน ITD ยังมีข้อด้อยจากภาระหนี้สิน
สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงของภาครัฐ นับเป็นโครงการที่ทางรัฐบาลไทยตั้งใจจะร่วมลงทุนกับจีน โดยมีการเจรจามาแล้ว 9 ครั้ง โครงการนี้เป็นโครงการรถไฟความเร็วสูง ทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร ความเร็ว 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีระยะทาง 845 กิโลเมตร แบ่งเป็น 4 ช่วง กรุงเทพฯ-แก่งคอย, แก่งคอย-มาบตาพุด, แก่งคอย-นครราชสีมา และนครราชสีมา-หนองคาย แต่ล่าสุด ฝ่ายจีนไม่อาจบรรลุข้อตกลงตามข้อเสนอของไทยได้ เช่น ไทยไม่ให้สิทธิประโยชน์สองข้างทางในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงตัดสินใจลงทุนโครงการนี้เอง ล่าสุดประเมินมูลค่าลงทุนที่ 1.7 แสนล้านบาท ส่วนแหล่งเงินทุนน่าจะกู้เงินจากจีน ยกเว้นว่าจะหาแหล่งเงินกู้จากแหล่งอื่นในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า หรืออาจเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนกับภาครัฐฯแบบ PPP (Private Public Partnership)
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้จะต้องเลื่อนเวลาการก่อสร้างออกไป 4-5 เดือนจากเดิม พ.ค. 59 เพราะมีการเปลี่ยนแปลงของโครงการมาเป็นการลงทุนเอง ในขั้นแรก จะเริ่มทำเส้นทาง กรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา ก่อนส่วนเส้นทางอื่นจะชะลอไปก่อนเพราะใช้เงินทุนสูง
โครงการนี้น่าจะเป็นงานส่วนเพิ่มเติมของงานประมูลภาครัฐฯในปีนี้ ทางฝ่ายยังมองว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงนี้น่าจะเป็นงานส่วนเพิ่มนอกเหนือจากการคาดหมายงานประมูลในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งได้แก่
1) โครงการรถไฟทางคู่ 2 เส้นทาง: ประจวบ-ชุมพร 167 กิโลเมตร มูลค่า 1.67 หมื่นล้านบาท และเส้นทางมาบกะเบา-ถนนจิระ 132 กิโลเมตร มูลค่า 2.8 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันผ่านการขออนุญาตสิ่งแวดล้อม แล้ว คาดว่าจะมีการเปิดประมูลในช่วงไตรมาส 2/59
2) โครงการรถไฟฟ้าสีส้ม: กำลังรออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วจะเปิดประมูลปลายไตรมาส 2/59 มูลค่า 9 หมื่นล้านบาท
3) โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2: มูลค่า 4.9 หมื่นล้านบาท ในเบื้องต้นจะมีการประมูล 2 สัญญาย่อยมูลค่า 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท คาดจะมีการประมูลใน 20-21 มิ.ย.59 ทางฝ่ายคาดว่ามูลค่างานเซ็นใหม่ของผู้ประกอบการรายใหญ่ (ITD, CK, STEC) จะเพิ่มขึ้นมากจากปีก่อน เพราะปีก่อนมีงานภาครัฐฯออกมาแค่ 3-4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นงานรถไฟทางคู่