(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์อาจอ่อนลงหลังขึ้นแรง,ลุ้น Window Dressing หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 31, 2016 09:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซตเวย์ และมีโอกาสอ่อนตัวลงได้บ้างหลังจากวานนี้ปรับตัวขึ้นไปมาก โดยวันนี้ต้องติดตามดูว่าดัชนีฯจะสามารถยืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้ต่อเนื่องหรือไม่ ถ้ายืนได้ก็อาจปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ และเชื่อว่าวานนี้เริ่มมีการทำ Window Dressing บ้างแล้วหลังจากเห็นแรงซื้อที่เข้ามามากในหุ้นหลัก

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน โดยจากนี้ไปก็ให้ติดตามการ Preview กลุ่มแบงก์ที่จะทยอยออกมา และเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจจะฟ้องต่อศาลปกครองเอาผิดรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ในกลุ่มพลังงาน ซึ่งคาดการณ์กันว่าเป็นเครือ ปตท.

พร้อมให้แนวรับ 1,380-1,390 จุด ส่วนแนวต้าน 1,425-1,430 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 มี.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,716.66 จุด เพิ่มขึ้น 83.55 จุด (+0.47%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,869.29 จุด เพิ่มขึ้น 22.67 จุด (+0.47%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,063.95 จุด เพิ่มขึ้น 8.94 จุด (+0.44%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.72 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 20.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 40.15 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.58 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 118.18 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 มี.ค.59) 1,410.29 จุด เพิ่มขึ้น 17.44 จุด (+1.25%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 8,565.45 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 มี.ค.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 มี.ค.59) ปิดที่ 38.32 ดอลลาร์/
บาร์เรล บวก 4 เซนต์ หรือ 0.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 มี.ค.59) ที่ 7.52 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.24/26 แกว่งแคบ ตลาดรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรคืนนี้-ปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง
  • นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.ประเมินว่าแนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะติดลบสูงถึง 5.86% สูงกว่าตัวเลขเดิมที่คาดการณ์ว่าจะติดลบ 4.5-5% โดยในเดือน มี.ค. คาดว่าการส่งออกจะกลับมาติดลบ 5% จากเดือน ก.พ.ที่ขยายตัว
  • นางลัษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโส ประจำประเทศไทย ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะโต 3% ลดลง 3.5% ที่คาดไว้เดิม โดยการลงทุนภาครัฐต้องเป็นพระเอก มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตามแผน 20 โครงการ มูลค่า 5.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และมีการเบิกจ่ายงบราว 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2559 รวมทั้งการเมืองต้องสงบ มีการเลือกตั้งในปี 2560
  • กระทรวงการคลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการประชุมสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการจ่ายเงินให้ข้าราชการระดับล่างและระดับกลางที่ไม่มีเงินประจำตำแหน่งคนละ 1,000 บาท จำนวน 1.57 ล้านคน ใช้งบประมาณ 1,570 ล้านบาท ซึ่งจะทันกับเทศกาลสงกรานต์และจะจ่ายเพียงครั้งเดียว ส่วนลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวอาจจะล่าช้าไปหลังสงกรานต์ เนื่องจากคลังต้องโอนเงินให้หน่วยงานต้นสังกัดก่อน เพื่อนำไปโอนให้ลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราว
  • นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน ก.พ.ยังมีสัญญาณชะลอตัวอยู่โดยการบริโภคเอกชนยังชะลอตัว เห็นได้จากยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์หดตัว 11.1% และยอดจำหน่ายรถยนต์หดตัว 29.9% นอกจากนี้ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังชะลอตัว โดยติดลบ 1.6% ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมอยู่ที่ 85.1 ลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ส่วนการนำเข้าสินค้าทุนติดลบ 11.6%

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6 บาท ยังไม่รวมโครงการใหม่ๆ ที่ยังประมูลไม่ได้ ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆที่เริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งสีเหลืองและชมพูที่ผ่านครม.แล้ว เหลือขั้นตอนการร่าง TOR และทำประชาพิจารณ์ซึ่งคาดใช้เวลาไม่กี่เดือนก็เปิดประมูลได้ ส่วนสายสีส้มจะเข้าครม.อังคารหน้า BEM สนใจเข้าร่วมประมูลเป็นผู้เดินรถทุกเส้นทางเพราะแต่ละเส้นมีจุดเชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงินเดิม (บางซื่อ-หัวลำโพง) และสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) ที่ BEM ได้สัมปทานอยู่ ขณะที่สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย อยู่ระหว่างการเลือกว่าจะเป็นผู้เดินรถรายเดิม (BEM) หรือเปิดประมูลใหม่ซึ่ง BEM มีข้อได้เปรียบในด้านต้นทุน
  • KTC (ฟินันเซีย ไซรัส) เป้า 94 บาท เป็นหุ้น laggard ในกลุ่มไฟแนนซ์ แม้จะไม่ได้ชอบ KTC มากนักเพราะกำไรในปีนี้ที่มีแนวโน้มไม่โต จากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่จะสูงขึ้นหลังผู้บริหารตั้งเป้าเพิ่ม market share แต่ราคาหุ้นในระยะสั้นน่าสนใจเพราะได้ประโยชน์เต็มที่จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาล ทั้งการทานอาหารนอกบ้านในช่วง 9-17 เม.ย. และการท่องเที่ยวในประเทศตลอดทั้งปี เพราะหมวดการใช้จ่ายด้านกิน-เที่ยว-ช้อปเป็นยอดใช้จ่ายหลักผ่านบัตรเครดิตของบริษัท
  • ADVANC (แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์) "ซื้อ" กำลังปรับเป้าเพิ่มจาก 188 บาท เป็นหุ้นที่มีงบดุลแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม และจ่ายปันผลมากกว่า 6% ต่อปี แต่มีต้นทุนลงทุนโครงข่ายเพิ่ม และยังมีโอกาสเข้าร่วมแข่งขันประมูลคลื่น 900MHz ครั้งใหม่
  • CK (แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์) "ซื้อ" เป้า 31 บาท เป็นผู้รับเหมารายใหญ่ มีงานในมือ 8.4 หมื่นลบ. (-2.3x รายได้ FY59) และมีโอกาสได้งานภาครัฐเพิ่มอีก อีกทั้งมีการกระจายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน BEM+CKP+TTW ซึ่งช่วยลดความผันผวนของธุรกิจก่อสร้าง
  • EA (แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์) "ซื้อ"เป้า 27 บาท มีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 664MW แบ่งเป็นพลังแสงอาทิตย์ 278MW และพลังลม 386MW ได้ PPA ครบ พร้อมคาด EPS พุ่งขึ้นจาก FY58=0.72 บ. (+67%) เป็น FY59=1.52 บ. (+111%) และ FY60=1.77 บ. (+16%)
  • CPF (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 30 บาท ปรับกำไรปี 2559-2560 ขึ้น 14-9% มองทุกธุรกิจขยายตัวดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นกุ้ง เนื้อสัตว์ และธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจกุ้งที่ได้รับผลกระทบจากโรค EMS ตั้งแต่ปลายปี 2555 เริ่มกลับมาสู่จุดคุ้มทุนใน 2H58 และคาดว่าจะเริ่มกลับมาทำกำไรได้ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ