PAP พุ่ง 5.58% โบรกฯเล็งปีนี้ Turnaround หลังกำไร Q1/59 ทำนิวไฮ-ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 13, 2016 11:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น PAP ราคาพุ่งขึ้น 5.58% มาอยู่ที่ 4.54 บาท เพิ่มขึ้น 0.24 บาท มูลค่าซื้อขาย 12.12 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.58 น. โดยเปิดตลาดที่ 4.46 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 4.60 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 4.46 บาท

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.แปซิฟิกไพพ์ (PAP) กำไรปีนี้กลับมา Turnaround คาดปันผลสูงราว 7.7% พร้อมปรับราคาเป้าหมายปี 59 ขึ้นเป็น 5.30 บาท จากเดิม 4.80 บาท เนื่องจากมีการปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ขึ้น ส่วนอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 59 คาดว่ายังน่าสนใจ สูงราว 7.7%

PAP รายงานกำไรสุทธิ Q1/59 ทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 237 ล้านบาท ดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะมีกำไรสุทธิ 106 ล้านบาท อย่างมาก โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 692% QoQ และดีกว่า Q1/58 ที่ขาดทุนสุทธิ 106 ล้านบาท

ปัจจัยหลักเป็นผลจากราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตามทิศทางราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการที่ทางการจีนมีการประกาศลดกำลังการผลิตเหล็กในประเทศ ทำให้อุปทานเหล็กในตลาดโลกปรับตัวลดลง ประกอบกับอุปทานเหล็กในประเทศค่อนข้างตึงตัว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ที่ราคาเหล็กอยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้ Dealer มีการสต็อกเหล็กไว้ค่อนข้างน้อย และเมื่อทิศทางราคาเหล็กเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ Dealer กลับมาเร่งสต็อกสินค้า

ดังนั้น จึงเป็นผลให้ spread margin ในช่วง Q1/59 สูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งทำให้อัตรากำไรขั้นต้นใน Q1/59 พุ่งขึ้นมาเป็น 18.1% ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 11.3% อย่างมาก และเพิ่มขึ้นจาก Q4/58 ที่ 8.1% และ Q1/58 ที่ -2.1% ขณะที่ปริมาณขายเหล็กในงวด Q1/59 เพิ่มขึ้น 13% QoQ และ 15% YoY ส่วนราคาขายเฉลี่ยใน Q1/59 แม้จะปรับตัวขึ้นจาก Q4/58 แต่ยังต่ำกว่า Q1/58 เนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อน ส่งผลให้รายได้ใน Q1/59 เพิ่มขึ้น 26% QoQ และ 3% YoY

พร้อมคาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิในงวด Q2/59 จะยังคงมีทิศทางที่ดีต่อ เนื่องจากราคาเหล็กในตลาดโลกในช่วงเดือน เม.ย.59-ต้นเดือน พ.ค.59 ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาเหล็ก HRC ในตลาดโลกมีการปรับตัวขึ้นแล้วราว 30% QTD อย่างไรก็ตาม คาดว่าทิศทางราคาเหล็กนับจากนี้น่าจะเริ่มชะลอการปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่ปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก (เทียบต้นปีราคา HRC เพิ่มขึ้นราว 90% YTD) ใกล้เคียงกับราคาเหล็กในช่วงต้นปี 58 แล้ว

การที่ราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้อาจเกิดแรงจูงใจทำให้ผู้ผลิตเหล็กในตลาดโลกที่เคยหยุดการผลิตก่อนหน้านี้กลับมาผลิตอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้อุปทานเหล็กในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ประกอบกับ Dealer เริ่มมีสต็อกเหล็กเต็มที่ อาจส่งผลให้ความต้องการเหล็กเริ่มชะลอตัวได้ ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิในงวด Q2/59 จะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อ YoY ได้ต่อเนื่อง แต่อาจชะลอตัวลงเมื่อเทียบ QoQ

ทั้งนี้ มีการปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 59 ขึ้นจากเดิม 30% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นใน Q1/59 สูงกว่าที่คาดอย่างมาก โดยปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปี 59 ขึ้นจากเดิมที่คาด 8.3% เป็น 10% ได้กำไรสุทธิปี 59 ที่ 351 ล้านบาท ดีกว่าปี 58 ที่ขาดทุน 43 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ