บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) รายงานผลในไตรมาส 1/59 มีกำไรสุทธิสำหรับส่วนที่เป็นของบริษัท จำนวน 1,968 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลกำไรจำนวน 1,569 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า เป็นผลจากการเติบโตของรายได้ แม้จะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายโครงข่ายและบริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรับรู้มูลค่าเงินลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล (DIF) โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระที่ได้รับการแต่งตั้งจาก SCBAM ได้มีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน DIF ตามรอบระยะเวลา ด้วยมูลค่ายุติธรรม (Fair Value) ตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งพบว่ากองทุน DIF มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ กลุ่มทรู ซึ่งถือหน่วยลงทุนอยู่ 28% สามารถรับรู้มูลค่าเพิ่มนี้เป็นจำนวน 2.9 พันล้านบาทในไตรมาส 1 ปี/59
ในไตรมาส 1/59 กลุ่มทรูมีรายได้จากการให้บริการโดยรวมจำนวน 2.08 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 15.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า จากการเติบโตของรายได้ในทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก โดยเฉพาะธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เติบโตโดดเด่นทั้งในกลุ่มผู้ใช้บริการระบบรายเดือนและเติมเงินทั้งนี้การเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของรายได้ ส่งผลให้ EBITDA เติบโต 15.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าเป็น 5.7 พันล้านบาท ซึ่งไม่รวมกำไรจากการโอนเสาโทรคมนาคมใหม่เข้ากองทุน DIF ในปี 58 เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบผลการดำเนินงานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า กลุ่มทรูยังคงมุ่งเน้นความเป็นผู้นำเครือข่ายคุณภาพที่ดีที่สุดและครอบคลุมที่สุด สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานบรอดแบนด์ทั้งแบบมีสายและไร้สายที่เพิ่มสูงขึ้นของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ทำให้กลุ่มทรู ประสบความสำเร็จในการเพิ่มรายได้ได้อย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีส่วนแบ่งตลาดรายได้จากการให้บริการเพิ่มสูงขึ้นเป็น 22% ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาทั้งนี้ การได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่900MHz มาเพิ่มเติม นับเป็นบันไดขั้นสำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของกลุ่มให้แข็งแกร่งและรวดเร็วยิ่งขึ้น
"การที่กลุ่มทรูสามารถเพิ่มรายได้และฐานลูกค้าได้อย่างสูงทั้งในกลุ่มลูกค้าระบบรายเดือนและเติมเงิน แสดงถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ไว้วางใจในแบรนด์ทรูและศักยภาพเครือข่ายที่ดีเยี่ยม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เมื่อผสานกับความมุ่งมั่นของกลุ่มทรูในการพัฒนานวัตกรรมและมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าเพิ่มให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องแล้ว จะเป็นฐานอันสำคัญสำหรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืนของกลุ่มทรูต่อไป"นายศุภชัยกล่าว
จุดแข็งสำคัญของทรูมูฟ เอช ในเรื่องเครือข่ายประสิทธิภาพสูง และความครอบคลุมทั่วประเทศ ผ่านคลื่นความถี่หลากหลายครบครัน ด้วยแบนด์วิธที่มากที่สุดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้จากการให้บริการ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 23.7%จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็น 1.31 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 1/59 ขณะที่รายได้จากการให้บริการของผู้ประกอบการใหญ่รายอื่นมีจำนวนลดลงทำให้ทรูมูฟ เอช มีส่วนแบ่งตลาดรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 22 ในไตรมาส 1/59 เมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ย 19% ในปี 58
ทรูมูฟ เอช ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการขยายฐานลูกค้าทั้งในระบบเติมเงินและรายเดือน ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/59 มีฐานผู้ใช้บริการรวมทั้งสิ้น 20.4 ล้านราย
บริการบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต ของทรูออนไลน์ยังคงเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของรายได้และฐานลูกค้า อันเป็นผลจากผลตอบรับที่ดีมากต่อแพ็กเกจไฟเบอร์บรอดแบนด์ และการขยายการให้บริการไปสู่พื้นที่ต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่องโดยโครงข่ายบรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ มีความครอบคลุมแล้วกว่า 6.8 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ ทั้งนี้ ทรูออนไลน์ มีฐานลูกค้าบรอดแบนด์ที่เติบโตต่อเนื่องเป็น 2.5 ล้านราย และมีรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการต่อเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 665บาท ในไตรมาส 1/59
รายได้จากการให้บริการของทรูวิชั่นส์ เติบโต 5.8% จากปีก่อนหน้า เป็น 3.0 พันล้านบาท ในไตรมาส 1/59 จากธุรกิจมิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่เพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในตลาดระดับแมส ส่งผลให้ ทรูวิชั่นส์ มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นสุทธิถึง 163,682 รายในไตรมาสแรก ซึ่งผลักดันฐานลูกค้าของกลุ่มให้เพิ่มขึ้นเป็น 3.2 ล้านราย
ทั้งนี้ ทรูวิชั่นส์ จะยังคงมุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์การรับชมโทรทัศน์ของสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ด้วยคอนเทนต์คุณภาพหลากหลาย และนวัตกรรมที่ทำให้สมาชิกเลือกรับชมช่องรายการโปรดได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมถ่ายทอดสดรายการกีฬาชั้นนำจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าระดับพรีเมียมและรายได้ของกลุ่มให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง