ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่าผู้ประกอบการโทรคมนาคมไทยจะเผชิญความท้าทายมากขึ้นจากการที่รายได้จากการให้บริการด้านข้อมูลอาจเติบโตในอัตราที่ต่ำลงในปี 59 และ 60 การเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการด้านข้อมูลรายใหม่เริ่มชะลอตัวในช่วง 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมาเนื่องจากสัดส่วนการใช้ Smartphone เพิ่มขึ้น
ในขณะที่การเติบโตของปริมาณการใช้ข้อมูลของผู้ใช้บริการรายเดิมไม่ได้ส่งผลให้รายได้ขยายตัวอย่างเต็มที่เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาการให้บริการข้อมูลที่รุนแรง การเติบโตของรายได้จากการให้บริการด้านข้อมูลของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย อาจไม่เพียงพอที่จะชดเชยรายได้จากการให้บริการด้านเสียง และข้อความสั้น (SMS) ที่ลดลง และอาจส่งผลให้รายได้จากการให้บริการโดยรวมลดลงในช่วงสองปีข้างหน้า
ฟิทช์เชื่อว่าจำนวนผู้ใช้บริการด้านข้อมูลรายใหม่จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงสองปีข้างหน้า แต่อัตราการเติบโตอาจจะอยู่ในระดับที่ต่ำลงเนื่องจากผู้ใช้บริการด้านข้อมูลรายใหม่จะมาจากผู้ใช้บริการในตลาดระดับล่างลงไป ซึ่งผู้ใช้บริการเหล่านี้ไม่ได้มีความต้องการที่จะไม่เปลี่ยนโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปเป็น Smartphone เนื่องจากส่วนใหญ่ยังคงใช้บริการด้านเสียงเป็นหลัก และไม่ได้รับประโยชน์จากเครือข่ายข้อมูลความเร็วสูงระบบ 3G และ 4G ดังนั้นผู้ให้บริการอาจต้องเสนอโปรโมชั่นที่จูงใจมากขึ้น เช่นการให้ส่วนลดค่าบริการ และส่วนลดค่าเครื่อง เพื่อที่จะเร่งการเติบโตของการให้บริการด้านข้อมูล ณ สิ้นโตรมาสที่ 1 ของปี 2559 อัตราส่วนของการใช้ Smartphone ในประเทศไทยยังคงอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนักที่ประมาณ 60% ของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมด
ฟิทช์คาดว่าการแข่งขันในธุรกิจการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะยังคงมีความรุนแรงสำหรับในช่วงที่เหลือของปี 59 และต่อเนื่องไปในปี 60 การเติบโตของปริมาณการใช้ข้อมูลของผู้ใช้บริการรายเดิมจะมาจากการใช้งาน Video และ Music Streaming ซึ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น อย่างไรก็ปริมาณการใช้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอาจไม่ส่งผลให้รายได้ของผู้ให้บริการเพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการข้อมูลเฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) จะถูกจำกัดโดยการแข่งขันที่รุนแรง และการเสนอแพ็คเกจข้อมูลแบบไม่จำกัด หรือแพ็คเกจที่มีปริมาณการใช้ข้อมูลจำนวนมาก
ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าการเติบโตของรายได้จากการให้บริการด้านข้อมูลจะยังคงมาจากการเติบโตของผู้ใช้บริการด้านข้อมูลรายใหม่ อย่างไรก็ตามการเติบโตของรายได้จากการให้บริการด้านข้อมูลในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่ออัตราส่วนของผู้ใช้บริการด้านข้อมูลอยู่ในระดับสูง ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ประกอบการในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการเสนอราคาค่าบริการข้อมูล โดยการลดหรือยกเลิกแพ็คเกจข้อมูลแบบไม่จำกัดหรือแพ็คเกจที่ให้ปริมาณการใช้ข้อมูลจำนวนมาก โดยเปลี่ยนมาคิดค่าบริการตามปริมาณการใช้งาน โดยในบางประเทศผู้ให้บริการประสบปัญหาในการย้ายผู้ใช้บริการในแพ็คเกจแบบไม่จำกัด ซึ่งใช้ในการเร่งการเติบโตของการให้บริการด้านข้อมูลในอดีต ไปยังแพ็คเกจที่คิดค่าบริการตามปริมาณการใช้งาน
ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ AIS (BBB+/AA+(tha)/Stable) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) (BBB/AA(tha)/Stable) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่สุดสองรายแรกและมีส่วนแบ่งทางการตลาดตามรายได้ค่าบริการรวมกันมากกว่า 80% ของอุตสาหกรรมในปี 58 แสดงให้เห็นว่าธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทาย
การเติบโตของรายได้จากการให้บริการด้านที่ไม่ใช่เสียงของ AIS ในไตรมาส 1/59 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 21% จาก 31% ในไตรมาส 1/58 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการค่อนข้างคงที่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการที่ไม่ใช่เสียง ชดเชยได้พอดีกับการลดลงของรายได้จากการให้บริการด้านเสียง ในขณะที่รายได้จากการให้บริการของ DTAC ปรับตัวลดลง 5% เนื่องจากรายได้จากการให้บริการที่ไม่ใช่เสียงเติบโตเพียง 10% ซึ่งไม่สามารถชดเชยรายได้จากการให้บริการด้านเสียงที่ลดลงถึง 15% ได้