GBS คาด SET Index ดีดทดสอบแนวต้าน 1,450-1,460 รับเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย-ประมูลรถไฟฟ้า 3 สาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 7, 2016 11:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทย (SET) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1.450 - 1,460 จุด โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมระหว่างวันที่ 14-15 มิ.ย. หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาไม่ดี

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ GBS กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. แย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 162,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานขยับลง 0.3% สู่ระดับ 4.7% จากระดับ 5.0% ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.9% ส่งผลให้นักลงทุนได้ปรับลดคาดการณ์ความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย.เหลือ 4% จากเดิมที่ 21%

ประกอบกับ ในเดือน มิ.ย. คาดว่าจะมีการเปิดประมูลโครงการใหญ่ของรัฐบาลมูลค่ารวม 2.4 แสนล้านบาท อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ สายสีส้ม สายสีเหลือง และสายสีชมพู เป็นต้น

อย่างไรตาม ยังมีปัจจัยที่ยังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกอ่อนตัวจากระดับใกล้ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจากผลการประชุมกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ไม่สามารถทำข้อตกลงได้ในเรื่องการปรับลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ความกังวลเรื่องอุปทานที่เพิ่มขึ้น หลังแท่นขุดเจาะในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น และการที่อิหร่านต้องการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้กลับไปอยู่ระดับเดิมก่อนที่จะถูกคว่ำบาตร นอกจากนี้ซาอุดิอาระเบียได้ประกาศปรับลดราคาน้ำมันส่งออกไปยังยุโรปสำหรับการส่งมอบเดือนก.ค. เป็นการส่งสัญญาณถึงการแข่งขันด้านราคาที่ทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาปัจจัยที่มีผลต่อเศรษฐกิจ เช่น วันที่ 7 มิ.ย.สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยสินเชื่อผู้บริโภคเดือน เม.ย.ซึ่งบ่งชี้ถึงการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคสหรัฐ อียูจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2559 และในวันที่ 8 มิ.ย. สหรัฐจะเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมันในตลาด หากพบว่าสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้นจะกดดันราคาน้ำมันในตลาดโลก ส่วนจีนมีกำหนดเปิดเผยยอดส่งออก ยอดนำเข้า และดุลการค้าเดือนพ.ค. หากตัวเลขการเติบโตลดลงจากเดือน เม.ย. จะยืนยันถึงอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องจากต้นปี

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็กจำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย. หลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ประกอบกับการประมูลโครงการรัฐขนาดใหญ่ของไทยราว 2.4 แสนล้านบาท เป็นแรงหนุนต่อดัชนี อย่างไรก็ตามอาจมีความผันผวนในกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง

สำหรับหุ้นที่แนะนำลงทุน ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับอานิสงส์ของการประมูลโครงการใหญ่ภาครัฐมูลค่ารวมเกือบ 2.43 แสนล้านบาทในเดือนมิ.ย. กลุ่มน้ำตาล ได้ประโยชน์จากราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับขึ้นทำ new high ล่าสุด 18.7 ดอลลาร์/ตัน หุ้น IVL ได้รับอานิสงส์จากราคาฝ้ายปรับตัวขึ้น ล่าสุด 63.9 ดอลลาร์/ตัน และหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET 50 รอบใหม่ ได้แก่ SPRC, GPSC, KCE, SUPER และ SET 100 ได้แก่ GLOBAL TVO, IFEC, BCH, JWD, BAY และ BIGC

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 31 ดอลลาร์/ ออนซ์ หรือคิดเป็น 2.55% ปิดที่ระดับ 1,243 ดอลลาร์/ ออนซ์ โดยราคาฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้นๆระหว่างสัปดาห์จากแรงซื้อเก็งกำไรหลังราคาทองปรับลงมามาก แต่ก็ฟื้นตัวได้ในกรอบแคบเท่านั้นจากการที่สหรัฐรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่ง อาทิ ดัชนีภาคการผลิตมีการขยายตัวติดต่อกัน 3 เดือนในเดือนพ.ค. และรายงาน Beige Book ของเฟดซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐมีการขยายตัวในระดับปานกลางนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเม.ย.ปีนี้ รวมถึงรายงานตัวเลขจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงผิดคาดและตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเดือนพ.ค.ที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งได้สร้างความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC ช่วงเดือน มิ.ย.และ ก.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำได้ฟื้นตัวขึ้นแรงในช่วงสุดสัปดาห์หลังสหรัฐฯรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ค.เป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 5 ปี ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้จากเดิมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ ขณะที่ประธานเฟดสาขาชิคาโกและสาขาคลีฟแลนด์ รวมถึงนางลาเอล เบรนนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดให้ความเห็นสอดคล้องกันว่าเฟดควรชะลอและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป จากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ลดลงจะลดแรงหนุนต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ

ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาฟื้นตัวขึ้นแรงผ่านยืนเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน ด้วยการสร้างแท่งเทียนลักษณะ TOWER BOTTOM พร้อมกับดึงเส้น 5 วันให้ตัดเส้น 10 วันขึ้นมาเกิดเป็นแนวรับสัญญาณ GOLDEN CROSS และค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นบวก ทำให้ราคาแนวโน้มปรับขึ้นต่อ โดยมีแนวรับ 1,220 - 1,215 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,280-1,285 เหรียญต่อทรอยออนซ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ