นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย (TMBAM) เปิดเผยว่าบริษัทฯได้จดทะเบียนเพิ่มทุนกองทุนตราสารหนี้น้องใหม่ในตระกูลธนแฟมิลี่ คือกองทุนเปิดทหารไทยธนเพิ่มพูน ทำให้ยอดรวมทุนจดทะเบียนสุทธิทั้งสิ้น 50,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของกองทุนในอนาคต ทั้งนี้ สำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้รับรองการจดทะเบียนดังกล่าวแล้วเมื่อ 15 มิถุนายน 2559 ผู้สนใจสามารถลงทุนด้วยมูลค่าการลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทยธนเพิ่มพูนนั้นมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนระยะสั้นทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 โดยมีการจัดการลงทุนเพื่อให้อายุเฉลี่ยของตราสารทั้งหมดของกองทุน (Portfolio Duration) ไม่เกิน 1 ปี
นายสมจินต์ กล่าวว่า กระแสเงินทุนได้ไหลเข้าสู่กองทุนเปิดทหารไทยธนเพิ่มพูน อย่างรวดเร็วนับแต่เปิดขายหน่วยลงทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน (ข้อมูล ณ 15 มิถุนายน 2559) มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสูงขึ้นจนแตะ 8,721 ล้านบาท ซึ่งใกล้เต็มทุนจดทะเบียนเดิมที่แจ้งไว้กับสำนักงาน ก.ล.ต.ที่ 10,000 ล้านบาทแล้ว โดยความนิยมของผู้ลงทุนที่มีเข้ามาในกองทุนดังกล่าว เชื่อว่าเกิดจากสภาวการณ์ลงทุนที่ตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ อาทิ ทองคำและน้ำมัน มีความผันผวนสูง
สำหรับตราสารหนี้ระยะยาวที่มีอายุพอร์ตการลงทุนเฉลี่ย (ดูเรชั่น) สูงเกินกว่าหนึ่งปีขึ้นไปก็ยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่อาจปรับขึ้นได้ ประกอบกับความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนต่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกองทุนประเภทตราสารหนี้จากทีมผู้จัดการ
กองทุนของ TMBAM ซึ่งที่ผ่านมาสามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นและมีความผันผวนไม่มากจนเกินไป จนทำให้กองทุนรวมประเภทตราสารหนี้และกองทุนตลาดเงินในตระกูล “ธนแฟมิลี่" ของ TMBAM มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การจัดการรวมกันถึงกว่า 158,086 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 15 มิถุนายน 2559)
"สำหรับกองทุนตราสารหนี้น้องใหม่ “ธนเพิ่มพูน" นั้นเราออกแบบมาสำหรับมือใหม่เริ่มลงทุน หรือเพื่อตอบสนองผู้ลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยที่ต้องการแหล่งพักเงินเพื่อรอโอกาสลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนอย่างมากเช่นในขณะนี้ โดยผู้ลงทุนสามารถคาดหวังได้กับผลตอบแทนที่ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินออมแบบเดิม ๆ และเหนือกว่าการลงทุนในกองทุนตลาดเงินหรือกองทุนตราสารหนี้ที่มีการลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ระยะสั้นภาครัฐ ประกอบกับการที่บุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวม ผู้ลงทุนจึงน่าจะยิ้มรับผลตอบแทนที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย"นายสมจินต์ กล่าว
นอกจากนั้น กองทุนยังเอื้อให้ผู้ลงทุนมีความพร้อมเสมอสำหรับโอกาสใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะกองทุนจะให้สภาพคล่องซื้อขายได้ทุกวันทำการ สามารถรับเงินคืนเพียง T+1 ดังนั้น กองทุนนี้จึงเหมาะสำหรับ เป็นศูนย์กลางของการทำธุรกรรมทางการเงินการลงทุนและช่วยรักษาสภาพคล่อง หรือใช้เป็นที่พักเงินก่อนการตัดสินใจลงทุนระยะยาวกับกองทุนรูปแบบอื่นๆที่ชื่นชอบต่อไป
โดยระยะเวลาการลงทุนที่เหมาะสมที่แนะนำคือ 1 เดือนขึ้นไป และสามารถรับความเสี่ยงในการถือครองตราสารหนี้ระยะสั้นภาคเอกชน รวมทั้งตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศที่มีอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของกองทุนบางส่วน ถือเป็นกองทุนทางเลือกใหม่สำหรับผู้ลงทุนนอกเหนือจากกองทุนเปิดทหารไทยธนบดี กองทุนเปิดทหารไทยธนรัฐ ธนพลัสและธนไพบูลย์ที่เป็นที่รู้จักได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอยู่แล้ว