(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นดีดขึ้นต่อ เล็งปัจจัยนอกปท.หนุนจากความคาดหวังจะมีมาตรการกระตุ้นศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 12, 2016 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อเนื่อง หลังมีปัจจัยนอกประเทศช่วยหนุน โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเล็กน้อย คล้ายกับดาวโจนส์ และตลาดในยุโรปที่ปรับตัวขึ้นกัน

จากความคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา โดยเฉพาะญี่ปุ่น มีความคาดหวังว่าจะมีมาตรการออกมาเพิ่มภายหลังจากที่พรรคแกนนำรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา และโดยรวมเงินเยนก็อ่อนค่าด้วย

นอกจากนี้ ยังมองกันว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. ส่วนในประเทศก็ได้แรงหนุนจากการ Preview งบการเงินของบริษัทจดทะเบียน

พร้อมให้แนวรับ 1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,480 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 ก.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,226.93 จุด เพิ่มขึ้น 80.19 จุด (+0.44%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,988.64 จุด เพิ่มขึ้น 31.88 จุด (+0.64%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,137.16 จุด เพิ่มขึ้น 7.26 จุด (+0.34%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 252.48 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 2.40 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 166.44 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.26 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.81 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.29 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ก.ค.59) 1,468.39 จุด เพิ่มขึ้น 12.74 จุด (+0.88%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 637.57 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ก.ค.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 ก.ค.59) ปิดที่ 44.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 65 เซนต์ หรือ 1.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ก.ค.59) ที่ 5.41 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.18 อ่อนค่าจากวานนี้ คาดระหว่างวันแกว่งแคบรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง
  • ผู้อำนวยการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า หรือเดือน ก.ย. อยู่ที่ 104.46 เพิ่มขึ้น 11.75% จากเดือนก่อนที่ 93.48 แต่ยังอยู่ในระดับที่ทรงตัว ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติและ นักลงทุนรายบุคคลที่มีมุมมองเพิ่มขึ้น มีเพียงนักลงทุนสถาบันในประเทศที่มองดัชนีเชื่อมั่นลดลงเล็กน้อย
  • บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกรายงานว่า การลงประชามติของสหราชอาณาจักรที่ต้องการออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิตนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของประเทศในเอเชียแปซิฟิกมากนัก โดยเฉพาะในแง่ของการค้า แต่จะกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนและประเทศที่พึ่งพาเงินทุนไหลเข้ามากกว่า
  • สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เผยเศรษฐกิจปีหน้ามีโอกาสเติบโตได้ 4-5% ตามที่ รมว.คลังคาดหวังไว้จาก 2 ปัจจัย คือ การลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่จะทำให้เกิด ปัจจัยที่สอง คือ การลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) มาช่วยขับเคลื่อนหลังจากหดตัวต่อเนื่อง
  • บอร์ด ททท.กังวลการเมืองไม่นิ่งหลังเลือกตั้ง เศรษฐกิจซึมยาว สั่งหั่นเป้ารายได้ในประเทศไม่ถึง 1 ล้านล้าน แค่ 9.5 แสนล้าน โบรกฯประสานเสียงห่วงการเมืองเขย่าหุ้น แต่ต่างชาติเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยฟื้น โยกเงินลงทุนแล้ว 6.7 แสนล้าน ลุ้นสิ้นปีดัชนีแตะ 1,550 จุด
  • รายงานข่าวจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) แจ้งว่า สำนักโลจิสติกส์อยู่ระหว่างจัดทำร่างแผนแม่บทการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2564) เพื่อลดต้นทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบโลจิสติกส์ของโรงงานอุตสาหกรรม และสอดคล้องกับการปรับอุตสาหกรรมของไทยไปสู่อินดัสทรี 4.0 โดยมีเป้าหมายปรับปรุงและพัฒนาแผนแม่บทเพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ต่อยอดขายของภาคอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่า 20% และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการห่วงโซ่อุปทานได้ไม่ต่ำกว่า 10% ภายในปี 2564

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BSM-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. บิวเดอสมาร์ท (BSM) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 278,576,554 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 0.50 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี 6 เดือน นับแต่วันออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ 1 ก.ค.2559) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ก.ย.2559 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 28 ธ.ค.2561
  • KCE (ยูโอบี เคย์เฮียน) "ซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว" จากแนวโน้มอุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้าในรถยนต์ที่สดใส ทั้งนี้ แนวโน้มค่าเงินยูโรอ่อนจะมีผลกระทบจำกัดต่อ KCE จากการศึกษาพบว่า Correlation ระหว่างค่าเงินบาทต่อยูโรและอัตรากำไรขั้นต้นของ KCE ในช่วง 41 ไตรมาสย้อนหลังอยู่ที่ -0.29 ซึ่งสะท้อนว่าทิศทางค่าเงินยูโรไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่จะชี้วัดทิศทางการดำเนินงานของผลประกอบการได้
  • TACC (เคจีไอ) เป้า 7.4 บาท ประเมินแนวโน้มอัตราการเติบโตของกำไร 34% ต่อปี CAGR (2558 - 2561) จาก Organic growth คือการเติบโตตามร้าน 7-Eleven เฉลี่ยปีละ 4-5% จากการขายผลิตภัณฑ์ ชา-กาแฟ (โถกดในร้าน 7-Eleven) และ Inorganic growth คือการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้กับร้าน 7-Eleven (เครื่องกดเครื่องดื่มร้อน + สินค้าลิขสิทธิ์ Sanrio โดยจะเริ่มที่สินค้าแบรนด์ Hello Kitty) และการส่งออกน้ำทุเรียน + มะม่วง (ชนิดชงน้ำร้อน) ไปยังประเทศจีน (เริ่มผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว รอแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเป็นทางการเร็ว ๆ นี้) ด้าน Valuation ประเมิน PE ของ TACC ควรถูก Re-rate ขึ้นไปสู่ระดับเดียวกับร้านค้าปลีก (+30 เท่า) จากการที่มีพื้นที่ขายสินค้าของตนเองเพิ่มขึ้นในร้าน 7-Eleven และบนเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของจีน
  • SCC (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 562 บาท คาดรายงานกำไรใน 2Q59 ในระดับที่แข็งแกร่ง มาตรการตำบลละ 5 ล้าน สเปรดปิโตรหนุนเติบโตต่อเนื่อง พร้อมมอง spread ที่อ่อนตัวลงมากระทบกับกำไรอย่างจำกัด ปัจจุบันเริ่มเห็นการฟื้นตัวบ้างแล้ว คาด 3Q59 ยังโตได้จากฐานต่ำ กังวลค่าเสื่อมเพิ่มจากโรงปูนใหม่ที่เมียนมา และคาดได้ sentiment เชิงบวกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่มีความรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันเทรด P/E ต่ำเพียง 11.9 เท่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ