หุ้น BIZ ปิดเทรดวันแรกที่ 5.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.60 บาท (+89.66%) จากราคาขาย IPO ที่ 2.90 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,876.53 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 7.35 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 7.40 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 5.50 บาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้น BIZ เปิดตลาดที่ 7.35 บาท เพิ่มขึ้น 4.45 บาท หรือ 153.45% จากราคา IPO และระหว่างชั่วโมงการซื้อขายราคาปรับตัวสูงสุดที่ 7.40 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ 155.17% ก่อนปิดตลาดที่ 5.50 บาท
นายสมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บิสซิเนสอะไลเม้นท์ (BIZ) ซึ่งเป็นผู้นำในการเป็นตัวแทนนำเข้า จำหน่าย ติดตั้ง และการให้บริการดูแลและซ่อมบำรุงเครื่องมือแพทย์ โดยเน้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีรังสีรักษาเป็นหลัก เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 2559 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโตจากปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 236.71 ล้านบาท
เนื่องจากบริษัทฯมีงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นวันที่ 31 มีนาคม 2559 จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 640.60 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานจากทั้งโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชน โดยคาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ได้ราว 80-90% หรือ จำนวน 5 โครงการ มูลค่ากว่า 420 ล้านบาท ส่วนโครงการที่เหลือคาดจะรับรู้รายได้ภายในปี 2560 นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทฯจะยังมีรายได้จากการบริการบำรุงรักษา ประมาณ 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ แบ่งเป็น รายได้การขายเครื่องฉายรังสีและอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ 75% และมีรายได้จากการบริการบำรุงรักษา 25%
“ราคาหุ้น BIZ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นจากราคาไอพีโอที่ 2.90 บาทต่อหุ้น สะท้อนว่านักลงทุนมีความเข้าใจธุรกิจของบริษัทฯ และเชื่อมั่นต่อพื้นฐานธุรกิจ ซึ่งบริษัทฯต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การตอบรับหุ้น BIZ อย่างอบอุ่นในวันนี้ และเราในฐานะของผู้บริหารและเป็นผู้ถือหุ้นด้วย จะทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อจะผลักดันผลประกอบการให้เติบโตต่อเนื่องอันจะนำมาสู่ผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต"นายสมพงษ์ กล่าว
นายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า นักลงทุนมองเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งตลาดเครื่องฉายรังสียังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งของไทยในปี 2558 มีอยู่กว่า 130,000 รายและครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ป่วยนี้ มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสี หรือที่ประมาณ 65,000 ราย ขณะที่เครื่องฉายรังสีสามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยได้ประมาณ 400-500 ราย/เครื่อง/ปี
ดังนั้น จำนวนเครื่องฉายรังสีขั้นต่ำที่จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการได้เพียงพอจะอยู่ที่ประมาณ 165 เครื่อง (บนฐานจำนวนผู้ป่วยในปี 2558) แต่ปัจจุบันมีจำนวนเครื่องฉายในรูปแบบของเครื่องเร่งอนุภาคมีเพียง 70 กว่าเครื่องเท่านั้น
ด้านนายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BIZ เปิดเผยว่า BIZ มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีรักษาแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ขณะเดียวกันบริษัทฯยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชนเป็นอย่างมาก จากประสบการณ์ที่อยู่ในวงการเครื่องมือทางการแพทย์มายาวนานกว่า 15 ปี ทำให้เชื่อมั่นว่า BIZ จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้ในระยะระยาว