บล.เอเชีย เวลท์ คาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้สดใส เชื่อมั่นศก.สหรัฐ-การเมืองในปท.ชัดเจนหลังรับร่างรธน.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 8, 2016 12:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นน่าจะสดใส จากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll) ของสหรัฐฯ ออกมาดีมากที่ 2.55 แสนตำแหน่ง ติดต่อเป็นเดือนที่สองที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งตลาดดูท่าว่าให้น้ำหนักความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวมากกว่าความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งตอนนี้อัตราความน่าจะเป็นที่เฟด จะขึ้นดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น จนมีความเป็นได้ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า แม้ว่าความเป็นไปได้จะอยู่ที่ 18% แต่ว่าปรับตัวขึ้นเป็นสองเท่าจากสัปดาห์ก่อน และเฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งก่อนสิ้นปี อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้น Wall Street รับความเสี่ยงตรงนี้ได้ เพราะตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด

ด้านปัจจัยในประเทศ การที่ประชาชนลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้ลดความไม่แน่นอนของประเด็นการเมืองในรัฐสภาลง เห็นได้ชัดเจนจากโอกาสความน่าจะเป็นที่สูงขึ้นในการที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศรอคอย แต่ว่าจะต้องรอดูต่อไปว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกรัฐสภาจะเป็นอย่างไรต่อไป

นอกจากนี้ ด้านญี่ปุ่น ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ไม่ได้ขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อ โดยรัฐบาลใช้นโยบายการคลังขยายเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ BOJ ไม่ขยายการซื้อพันธบัตรทำให้กองทุนโลกที่เข้าเก็งกำไรในราคาพันธบัตรหยุดชะงักและเริ่มเทขาย ส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเชีย รวมทั้งไทย

"ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ น่าจะปรับตัวขึ้น โดยมองกรอบดัชนี SET Index จะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,496-1,534 จุด"นายวรุตม์ กล่าว

สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำซื้อหุ้นบมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) คาดว่าจะมีแนวโน้มผลประกอบการที่สดใสมากจากปีนี้เป็นต้นไป โดยได้แรงหนุนจาก รายได้จากการบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงซึ่งเริ่มเปิดบริการ 6 ส.ค. 59, โครงการทางด่วนศรีรัช-ถนนวงแหวนรอบนอกจะเปิดในวันที่ 20 ส.ค.59 และ รัฐบาลประกาศใช้มาตรา 44 เพื่อเพิ่มความเร็วในการเจรจาเกี่ยวกับสัญญาสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายจะแล้วเสร็จภายใน 135 วันนับจาก 21 ก.ค.59 โดยคาดว่าเจรจาตรงกับ BEM ทำให้กรณีนี้ที่ล่าช้ามานานถึง 1 ปีครึ่ง ได้ข้อสรุปและเดินหน้าต่อไป

“ถึงแม้ว่าเราจะคาดหวัง BEM จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/59 ลดลง 31% QoQ มาอยู่ที่ 480 ล้านบาทจาก 702 ล้านบาท ในไตรมาส 1/59 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์หนี้ แต่ บล.เอเชีย เวลท์ ยังคาดทั้งปีมีกำไรปกติ 3.0 พันล้านบาทในปี 2559 เพิ่มขึ้น 70% YoY และ 4.2 พันล้านบาทในปี 2560 เพิ่มขึ้น 38% YoY เราประเมินมูลค่าเหมาะสมของ BEM ตามวิธี DCF ที่ WACC 7.8% ได้ราคาเป้าหมาย BEM ที่ 10.10 บาท ซึ่งรวมถึงประมาณการรายได้จากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และการต่ออายุสัมปทานของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเดิม ทำให้ราคาหุ้นในปัจจุบันยังมี upside 24%" นายวรุตม์ กล่าว

ด้าน P/E Ratio ปี 59 อยู่ที่ 26 เท่า และลดลงเหลือ 18.8 เท่าในปี 60 ไม่ถือว่าสูงเนื่องจาก คาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานปีนี้ที่ระดับ 70% ด้าน Technical รูปแบบราคา ของ BEM ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น จากการเกิดทั้งสัญญาณซื้อรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน โดยมีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 8.60 บาท ซึ่งราคาหุ้น BEM ขึ้นไปทดสอบเป้าหมายดังกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่สามารถเบรก ด้วยการปิดตลาดเหนือ 8.60 บาทได้สำเร็จ ต้องรอความแข็งแกร่งในการปรับตัวขึ้นของ BEM ในรอบนี้ต่อว่าจะสามารถเบรก ด้วยการปิดตลาดเหนือ 8.60 บาทได้หรือไม่ ซึ่งถ้าปิดตลาดเหนือ 8.60 บาทได้สำเร็จ จะมีเป้าหมายของการทำ New High ต่อไปอยู่ที่ 10.80 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ