โบรกฯแนะ"ซื้อ"PTT มองกำไร Q2/59 สุดแกร่งรับน้ำมันขึ้นหนุนกำไรสต็อกพุ่ง,ธุรกิจก๊าซฯเด่นดัน H2 ดีต่อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 8, 2016 13:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.(PTT) มองกำไรสุทธิในไตรมาส 2/59 แข็งแกร่งรับปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นส่งผลให้มีกำไรสต็อกน้ำมันจำนวนมาก และช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทลูกในกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติได้แรงหนุนจากปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้นและผลขาดทุนจากธุรกิจ NGV ลดลง

ส่วนช่วงครึ่งหลังของปีนี้แม้อาจได้รับผลกระทบจากค่าการกลั่นที่มีแนวโน้มอ่อนตัว แต่ด้วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักยังมีความแข็งแกร่งเมื่อโรงแยกก๊าซฯกลับมาผลิตเต็มที่หลังหยุดซ่อมบำรุงช่วงครึ่งปีแรก และการทยอยปรับราคาต้นทุนก๊าซฯลง รวมถึงการปรับราคาขาย NGV ให้สะท้อนต้นทุนก็จะช่วยหนุนผลประกอบการด้วย ซึ่งจะผลักดันให้ผลกำไรสุทธิปีนี้ฟื้นตัวมาอยู่ระดับกว่า 9 หมื่นล้านบาทอีกครั้ง หลังจากหดตัวลงมากติดต่อกันช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

อนึ่ง PTT จะแจ้งผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 ในวันที่ 15 ส.ค.นี้

ราคาหุ้น PTT พักเที่ยงอยู่ที่ 337 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท (+0.60%) นับแต่ต้นปีราคาหุ้น PTT ปรับขึ้นแล้วราว 38% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นราว 19%

                โบรกเกอร์                  คำแนะนำ                ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
                ฟิลลิปฯ                     ทยอยซื้อ                     344
                เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ            ซื้อ                         358
                โกลเบล็ก                   ซื้อ                         357
                ไอร่า                      ซื้อ                         394
                เคทีบีฯ                     ซื้อ                         380
                แอพเพิล เวลธ์               ซื้อเก็งกำไร                  320
                ทรีนีตี้                      ซื้อเก็งกำไร                  337
                ซีไอเอ็มบีฯ                  ซื้อ                         389

นักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แนะนำ"ซื้อ"หุ้น PTT คาดว่าจะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 2.87 หมื่นล้านบาท เติบโตกว่า 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตจากไตรมาสก่อน เป็นผลจากธุรกิจก๊าซฯที่มีผลประกอบการดีขึ้นตามปริมาณจำหน่ายก๊าซฯที่เพิ่มขึ้นราว 5% จากโรงไฟฟ้าใหม่ที่เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2/59

ขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) มีผลขาดทุนลดลงเหลือราว 1.2 พันล้านบาท/ไตรมาส จากเดิมที่ขาดทุนราว 3 พันล้านบาท/ไตรมาส หลังรัฐบาลลอยตัวราคา NGV ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้

ส่วนธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติปริมาณขายทรงตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อน เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซฯ แห่งที่ 6 เป็นเวลา 23 วัน ขณะที่ไตรมาส 1 หยุดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซฯเป็นเวลา 23 วันเช่นกัน แต่ได้ประโยชน์จากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน ขณะที่ธุรกิจน้ำมันมีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากกำไรต่อลิตรที่ปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ราว 1.2 บาท/ลิตร และราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมาส่งผลให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมันเข้ามาช่วยหนุนกำไร

อีกทั้งยังจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจลูกที่ดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี จากค่าการกลั่นที่ดี และราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมันด้วย

แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังของปีนี้ มองว่าธุรกิจก๊าซฯจะยังคงดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงแยกก๊าซฯที่จะไม่มีหยุดซ่อมบำรุงเหมือนในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งจะมาช่วยชดเชยผลประกอบการบริษัทลูกมีแนวโน้มปรับตัวลง โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นที่ค่าการกลั่นเริ่มปรับตัวลง และอาจมีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบหลังราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวลง ซึ่งอาจจะกดดันต่อผลประกอบการของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเติมด้วย

"ครึ่งปีแรกธุรกิจหลักไม่ดีมากนัก แต่บริษัทลูกดีหมดจากค่าการกลั่นดี และมี stock gain แต่ครึ่งปีหลังธุรกิจหลักดีขึ้น แต่บริษัทลูกจะอ่อนตัวลงบ้างจากค่าการกลั่นที่ลดลง และ stock gain น่าจะอ่อนตัวกว่าครึ่งปีแรก...กำไรครึ่งปีก็คิดเป็นประมาณ 55% ของประมาณการใหม่ในปีนี้ที่คาดจะอยู่ระดับ 90,736 ล้านบาท"นักวิเคราะห์ กล่าว

นักวิเคราะห์รายเดิม กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับประมาณการกำไรของ PTT ในปี 59-60 ขึ้น 35% และ 34% ตามลำดับ มาที่ 90,736 ล้านบาท และ 98,448 ล้านบาทตามลำดับ

ด้านนายศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ PTT ยังดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะธุรกิจก๊าซฯ ทั้งในส่วนของปริมาณการใช้ก๊าซฯที่เพิ่มขึ้น และโรงแยกก๊าซฯที่จะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงเหมือนในช่วงครึ่งปีแรก และธุรกิจ NGV ที่มีผลขาดทุนลดลง ยังเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการในปีนี้ให้กลับมายืนอยู่ในระดับ 93,541 ล้านบาท แม้แนวโน้มผลการดำเนินงานของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) อาจถูกกระทบจากราคาก๊าซฯที่น่าจะปรับลงต่ำสุดในช่วงไตรมาส 4/59 ซึ่งสะท้อนราคาน้ำมันที่ปรับลดลงไปอยู่ในระดับต่ำช่วงก่อนหน้านี้ และธุรกิจโรงกลั่นมีค่าการกลั่นอ่อนตัวลงจากสต็อกน้ำมันของโลกที่ยังมีอยู่มาก และจีนส่งออกน้ำมันออกมามาก

"ธุรกิจหลักจะขยายตัวได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะช่วงครึ่งปีแรกมีหยุดซ่อมโรงแยกก๊าซฯ ช่วงครึ่งปีหลังก็จะกลับมาเดินได้เต็มที่ ส่วนธุรกิจ NGV ก็จะทรงตัวการขาดทุนลดลงเหลือไตรมาสละ 1,300 ล้านบาท"นายศักดิ์นรินทร์ กล่าว

นายศักดิ์นรินทร์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/59 คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากธุรกิจก๊าซฯเป็นหลัก ทั้งในส่วนของโรงแยกก๊าซฯ ท่อส่งก๊าซ และ NGV ขณะที่ PTTEP มีผลการดำเนินงานลดลง แต่กลุ่มโรงกลั่นมีกำไรจากสต็อกน้ำมันเข้ามาชดเชย โดยไอร่าประเมินกำไรสุทธิของ PTT ในไตรมาส 2/59 จะมีกำไรสุทธิสูงถึง 28,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาสก่อน และ 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังแนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 394 บาท

ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมายที่ 380 บาท โดยมองแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังของ PTT น่าจะทรงตัวในระดับสูงและฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่นจากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเดินโรงแยกก๊าซฯ เต็มกำลังการผลิต และการทยอยปรับราคาต้นทุนก๊าซฯลงในช่วงเดือน ก.ค.-ต.ค. ขณะที่ราคาขายก๊าซฯของลูกค้าอุตสาหกรรมแม้จะมีการปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบ แต่ราคาต้นทุนก๊าซฯที่ลดลง บวกกับปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น และผลขาดทุนที่ลดลงจากการปรับราคา NGV จะช่วยหักล้างผลดังกล่าว สนับสนุนให้แนวโน้มกำไรในครึ่งปีหลัง คาดจะฟื้นตัวโดดเด่นจากผลขาดทุนกว่า 2.6 หมื่นล้านบาทในงวดปีก่อน

ทั้งนี้ หากกำไรของ PTT ในไตรมาส 2/59 ออกมาตามที่คาด กำไรรอบครึ่งแรกปีนี้จะอยู่ที่ 52,036 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 67.2% ของประมาณการทั้งปีเดิม เป็นผลมาจากแนวโน้มกำไรของธุรกิจก๊าซฯที่ดีกว่าคาดไว้มาก จึงได้ปรับประมาณการกำไรทั้งปีของ PTT ขึ้น 17.2% เป็น 90,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 355.6% จากปีที่แล้ว โดยกำไรฟื้นตัวโดดเด่นจากการเติบโตของธุรกิจหลักที่แข็งแกร่งและการหายไปของรายการขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์รวมกว่า 7.3 หมื่นล้านบาทในปีก่อน ขณะที่ประเมิน PTT น่าจะกลับมาจ่ายเงินปันผลตามผลประกอบการที่ฟื้นตัวได้ราว 5-6 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (dividend yield) ราว 1.5-1.8%

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์โดยเห็นว่ามี PTT มีโอกาสได้มูลค่าหุ้นเพิ่มจากนำธุรกิจค้าปลีกที่อยู่ระหว่างศึกษาแผนการแยกธุรกิจออกจากบริษัท รวมถึงการอาจเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ