นางสาวธิดา แก้วบุตตา กรรมการ บมจ.ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) เปิดเผยว่า บริษัทฯมั่นใจผลประกอบการปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่าพอร์ตสินเชื่อคงค้างจะเติบโตตามเป้าที่ 20-30% หรืออยู่ที่ราว 1.8 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อแล้ว 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตมาจากยอดสินเชื่อรถยนต์ 4 ล้อ ราว 50% รถจักรยานยนต์ราว 20% โฉนดที่ดินบ้าน และคอนโดมิเนียมราว 20% และส่วนที่เหลือจะมาจากรถเชิงพาณิชย์ เช่น รถบรรทุก เครื่องจักรการเกษตร
นอกจากนี้ บริษัทฯได้มีการปล่อยสินเชื่อไปยังประเทศพม่า โดยคาดว่าปีนี้จะมียอดปล่อยสินเชื่อราว 200 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทฯวางเป้าหมายระยะยาว 3-5 (60-64) จะมีพอร์ตสินเชื่อในต่างประเทศเป็นสัดส่วน 15% ของพอร์ตรวม จากปัจจุบันอยู่ที่ไม่ถึง 1% ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาในประเทศเวียดนาม กัมพูชาและอินโดนีเซีย ซึ่งยังมีความสามารถในการเติบโตได้อีก โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงปลายปีนี้ถึงกลางปี 60 อย่างน้อย 1 แห่ง
ในขณะเดียวกัน บริษัทฯเชื่อว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นที่วันหยุดค่อนข้างน้อย และเงินโบนัสเริ่มหมดลง ในขณะเดียวกันบริษัทฯยังมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกับผู้ที่มีเอกสารหลักฐานทางการเงิน โดยได้เริ่มมาตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาส 3/59 และเริ่มมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทคาดว่าจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 104 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาทั้งหมดแล้ว 1,896 สาขา โดยจะใช้งบลงทุนราว 30 ล้านบาท หรือ 3 แสนบาท/1 สาขา คาดว่า ณ สิ้นปีจะมีสาขารวมเป็น 2 พันสาขา ส่วนระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมทั้งปีให้ไม่เกินระดับ 3.5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.27% โดยบริษัทฯมีการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดและบริหารจัดการได้ค่อนข้างดี ทำให้บริษัทฯสามารถดูแล NPL ได้ในระดับที่ดี
นางสาวธิดา กล่าวถึงแนวโน้มอัตรากำไรสุทธิปีนี้ว่า จะอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 30% หลังช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯสามารถทำอัตรากำไรสุทธิได้แล้ว 35.82% ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุน และบริหารจัดการสาขาได้ค่อนข้างดี ประกอบกับบริษัทฯมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการประหยัดจากขนาด
ส่วนธุรกิจซื้อหนี้จากธนาคารพาณิชย์มาบริหารนั้น ปีนี้ตั้งงบสำหรับการลงทุนในส่วนดังกล่าว 4 พันล้านบาท โดยในช่วงที่ผ่านมาซื้อไปแล้วกว่า 1 พันล้านบาท และช่วงที่เหลือของปีเตรียมเข้าซื้อหนี้เสียอีกราว 3 พันล้านบาท ซึ่งปีนี้บริษัทฯจะมีหนี้เสียเข้ามาบริหารราว 1 หมื่นล้านบาท