KTAM แนะจัดพอร์ตลงทุนให้น้ำหนักหุ้น 48% ตราสารหนี้ 35% มอง SET ไปต่อจาก Fund Flow

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 15, 2016 13:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) แนะนำพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนในเดือน ส.ค.นี้อาจจะพิจารณาลงทุนในหุ้น 48% ตราสารหนี้ 35% AI 12% และ Cash 5% โดยคาดว่าเงินทุนยังสามารถไหลเข้าหาสินทรัพย์ที่ยังให้ผลตอบแทนที่สูงได้ เช่นตลาดหุ้น ซึ่งสามารถดูได้จากอัตราผลตอนแทบของสินทรัพย์นั้นเทียบกับพันธบัตรรัฐบาล หากมีส่วนต่างที่มากพอ ก็ยังดึงดูดให้สภาพคล่องที่มีอยู่ไหลเข้าซื้อสินทรัพย์นั้นต่อไป

ด้านตราสารหนี้ยังเหมาะสำหรับการกระจายความเสี่ยงหรือถือระยะกลาง-ยาวเพื่อเพิ่มผลตอบแทนถ้าเทียบกับเงินฝาก สินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำ ยังเป็นสินทรัพย์ที่ดีในการช่วยลดความเสี่ยงด้วยการกระจายการลงทุนและเพิ่มผลตอบแทนได้ในความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น น้ำมันเริ่มมีมูลค่าที่น่าสนใจในการลงทุนหากมีการปรับตัวลงมาลึกมากพอ รวมถึงหากมีสัญญาณเกี่ยวกับอุปสงค์และอุปทานที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทได้มีการสรุปภาพรวมเศรษฐกิจ และแนวโน้มการลงทุนในเดือน ส.ค.โดยภาพรวมในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นในเอเซีย ตลาดเกิดใหม่ และสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น ปัจจัยหลักเกิดจากเงินทุนไหลเข้าไปสู่สินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเม็ดเงินออกจากฝั่งยุโรปค่อนข้างมาก แต่ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปมีการปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะนักลงทุนหาการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆเพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้น (Yield) เมื่อเปรียบเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลที่ให้อัตราผลตอบแทนในระดับต่ำถึงติดลบหลังเกิดเหตุกาณ์ Brexit สภาพคล่องที่ล้นอยู่เป็นปัจจัยสนับสนุนจากธนาคารกลางต่างๆที่ยังทำนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย (Accommodative/Expansionary Monetary Policy) เพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเงินในระบบเหล่านี้จะเคลื่อนย้ายไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่าและอาจสร้างความผันผวนให้กับราคาสินทรัพย์หากมีการขายทำกำไรจากเหตุกาณ์ต่างๆ

เศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวการบริโภคภายในประเทศของรายได้ รวมถึงแนวโน้มสินเชื่อไม่ก่อให้เกิดรายได้( NPL) ที่ทรงตัวหรือลดลง และการลงทุนจากภาครัฐที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทำให้เกิดความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ด้านการส่งออกยังไม่ค่อยดีนักเพราะว่าอุปสงค์ยังไม่ฟื้นตัวมากประกอบกับแนวโน้มค่าเงินบาทที่น่าจะแข็งค่าเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน

ฝ่ายวิจัย KTAM เห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจขึ้นดอกเบี้ยได้ 1 ครั้งในช่วงปลายปีนี้ ในขณะที่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ เนื่องจากตัวเลขการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและ Earning Yield ที่ยังอยู่ในระดับลงทุนได้และน่าสนใจกว่าพันธบัตรในระยะสั้น โดย Fund Flow จะยังเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางการลงทุน

มุมมองการลงทุนในหุ้น สถานการณ์ Fund Flow ไหลเข้าได้เกิดขึ้นจริง โดยนักลงทุนต่างประเทศมีการเข้าซื้อสินทรัพย์ในภูมิภาคเอเซียรวมถึงหุ้นไทยมากขึ้น เหตุผลหลักคือด้วยสภาพคล่องคงเหลือและยังต้องการหาผลตอบแทนที่สูงกว่าในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่ Earning Yield Gap ระดับความน่าสนใจยังอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะมีผลต่อเนื่องหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไม่มีการปรับตัวขึ้นมากจนเกินไป

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย คาดว่ายังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปได้ตาม Fund Flow ที่ไหลเข้ามา โดย Earning Yield Gap ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศจากข้อมูล NPL ที่อาจทรงตัวหรือลดลง รายได้ภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้น และการลงทุนจากภาครัฐ เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กรอบการลงทุนเปิด Downside เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มความระมัดระวังเอาไว้ก่อน โดยคาดว่าอาจอยู่ราว 1,450-1,560 จุด+/- หาก Fund Flow ยังไหลเข้าต่อเนื่อง

ตราสารหนี้ต่างประเทศในกลุ่ม Investment Grade และ High Yield มีอัตราผลตอบแทนลดลง หลังตลาดเกิด Risk-on และวิ่งเข้าหาสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล สำหรับตราสารหนี้ไทย Fund Flow ยังไม่ได้เข้าซื้อตราสารหนี้ไทยมากนัก โดยมีเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นมากกว่า เราคิดว่าอัตราผลตอบแทนจะมีการปรับตัวขึ้น-ลง ผันผวน และคาดว่าโอกาสในการปรับตัวขึ้นมีมากกว่าปรับตัวลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ อย่างไรก็ตาม หากลงทุนระยะกลาง-ยาว ยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากได้ และมีส่วนช่วยลดความผันผวนของ Portfolio โดยรวมได้

ราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวขึ้นมาก นักลงทุนยังมีความต้องการในการถือครองทองคำเพื่อปกป้องพอร์ตการลงทุนจากความผันผวนด้วยเหตุกาณ์ต่างๆ เป็นตัวช่วยหนุนราคาทองคำ รวมถึงการอ่อนค่าในช่วงปลายสัปดาห์ของดอลล่าห์อีกเล็กน้อยเป็นปัจจัยสนับสนุน ทั้งนี้ ทองคำยังเป็นสถานะที่ดีที่ควรมีติดพอร์ตการลงทุนเอาไว้เพื่อช่วยในการกระจายความเสี่ยงยามตลาดเกิดความผันผวน ในขณะที่การปรับลดลงของราคาน้ำมันเริ่มสร้างแรงจูงใจให้น่าติดตามมากขึ้น เนื่องจากคิดว่าราคา $26 ต่อบาร์เรลนั้นเป็นจุดต่ำสุดไปแล้ว นักลงทุนสามารถทะยอยสะสมได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ