บลจ.ทาลิส ฟันธงเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ รอผลเลือกตั้งปธน.สหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 5, 2016 12:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ทาลิส เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 1,600 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ควรขายทำกำไร และให้รอซื้อกลับที่บริเวณ 1,400-1,500 จุด ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2560 คาดว่าจะเติบโตได้อีก 10-15% ดัชนีฯมีโอกาสปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,700-1,800 จุด

ทั้งนี้ มองโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงปลายปีนี้ มีความเป็นไปได้น้อยกว่า 50% ซึ่งประเมินว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 1/60 มากกว่า และไม่น่าจะปรับขึ้นเกิน 0.25% เนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นไปอย่างเข้มแข็งและอย่างยั่งยืน ประกอบกับ ตามธรรมเนียมแล้วธนาคารกลางสหรัฐ จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือน พ.ย.59 นี้

"ในช่วงก่อนเดือนพ.ย.นี้ เฟดไม่น่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งน่าจะมีการปรับขึ้นในช่วงหลังที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐแล้วเสร็จ และหากจะมีการปรับขึ้นในเดือน ธ.ค. ก็น่าจะเร็วเกินไปเพราะเมื่อหลังจากประเทศสหรัฐมีประธานาธิปดีคนใหม่ แล้วเฟดต้อนรับด้วยการขึ้นดอกเบี้ยเลย ก็ถือว่าเป็นอะไรที่แรงไปพอสมควร ดังนั้นเรื่องนี้ น่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส1/60"นายประภาสกล่าว

แม้ตอนนี้ตัวเลขเศรษฐกิจในหลายๆตัวจะส่งสัญญาณเป็นบวก แต่อย่างไรก็ตามมีสัญญาณเตือนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีโอกาสชะลอตัวได้อยู่ ดังนั้น หากมีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อาจส่งผลให้เศรษฐกิจในระยะปานกลางเกิดการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง

"จะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เฟดได้ส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2559 หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ แสดงได้ว่าเฟดให้ความสำคัญและติดตามตัวเลขเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ก็เชื่อว่าจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย"นายประภาสกล่าว

สำหรับความเคลื่อนไหวของเงินทุนต่างประเทศ ภายใต้สมมติฐานเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ว่า จะทำให้เงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องอีกในช่วง ก.ย.-ต.ค.นี้ หลังจากที่มีเข้ามาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันแล้วราว 1.1 แสนล้านบาท จากนั้นจะเริ่มชะลอตัวลงในช่วงเดือน พ.ย.ที่เป็นช่วงการเลือกตั้งในสหรัฐ และเดือนธ.ค.ที่เป็นช่วงหยุดยาวในเทศกาลสิ้นปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ