นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย ออกกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีเอ (KFF6MCA) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.50% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอดี (KFF3MAD) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.40% ต่อปี ซึ่งทั้ง 2 กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี โดยเสนอขายระหว่างวันที่ 20-26 ก.ย.นี้
สำหรับภาวะตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับเพิ่มขึ้นในตราสารระยะยาว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนให้น้ำหนักต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในรอบการประชุมเดือนกันยายนนี้ โดยประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขาบอสตัน ให้ความเห็นว่าสหรัฐฯ อาจเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นหากชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปนานเกินไป ขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ยังออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ด้านปัจจัยภายในประเทศ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ส่วนปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามคือ การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20-21 ก.ย. ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ รวมถึงการทบทวนนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 20-21 กันยายนนี้เช่นเดียวกัน
นายชัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก หรือผู้ที่ต้องการแบ่งเงินลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงมาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ บลจ.กสิกรไทยได้เปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการเป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนที่แน่นอน โดยสามารถเลือกลงทุนเป็นเวลา 3 เดือน หรือ 6 เดือน
ทั้งนี้ สำหรับ กองทุน KFF6MCA ที่มีอายุโครงการ 6 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์, เงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank, เงินฝาก First Gulf Bank และเงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ด้านกองทุน KFF3MAD ที่มีอายุโครงการ 3 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์, เงินฝาก First Gulf Bank และเงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท