ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,505.99 จุด เพิ่มขึ้น 18.82 จุด (+1.27%) มูลค่าการซื้อขาย 46,459.72 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,506.70 จุด ส่วนดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,496.81 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 939 หลักทรัพย์ ลดลง 329 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 295 หลักทรัพย์
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่บวกกันแต่ไม่มากกนัก ขานรับผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ออกมายังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ ดังนั้น ช่วงสั้นสภาพคล่องในระบบมีมากขึ้น เม็ดเงินจึงต้องไหลเข้าตลาดหุ้น, ตลาดพันธบัตร แต่อย่างไรก็ดียังมองว่าเฟดน่าจะมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสักครั้งในปีนี้ไม่ในช่วงเดือนพ.ย. หรือเดือนธ.ค.
จากนี้ไปตลาดฯอาจโฟกัสไปที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในงวดไตรมาส 3/59 ที่คาดว่าน่าจะออกมาดีกว่างวดเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากปีที่แล้วฐานต่ำ และราคาน้ำมันยังปรับตัวลงแรงด้วย แต่ตอนนี้จะเห็นได้ว่ามีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งก็อาจเข้ามาเก็งงบฯที่มีโอกาสจะดีกว่าปีที่แล้วก็ได้ รวมถึงส่วนหนึ่งอาจมาเก็งผลประชุมระหว่างกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) และผู้ผลิตน้ำมันที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ย.) นายธีรวุฒิ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็แนะให้เล่นรอบโดยหากหุ้นขึ้นแรงก็ให้ขายทำกำไร แต่ถ้าหุ้นลงแรงก็ให้ซื้อกลับ พร้อมให้แนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,515 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,875.32 ล้านบาท ปิดที่ 33.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,807.84 ล้านบาท ปิดที่ 337.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,803.17 ล้านบาท ปิดที่ 191.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,712.76 ล้านบาท ปิดที่ 61.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,460.84 ล้านบาท ปิดที่ 154.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท