ตลท.รับตลาดหุ้นไทยผันผวนตามกระแสข่าวทั้งใน-ตปท. แต่ยันพื้นฐานบจ.เข้มแข็ง,การระดมทุนในตลาดรองยังคึกคัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 11, 2016 18:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันได้รับกระแสข่าวทั้งในและต่างประเทศที่เป็นผลกระทบต่อดัชนีค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ตามมองว่าพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ของไทยยังถือว่าเข้มแข็ง และยังไม่เปลี่ยนแปลง จึงแนะนำว่าหากนักลงทุนที่ความชำนาญไม่มากนัก ในความผันผวนที่ค่อนข้างมาก ให้เข้าไปลงทุนในกองทุนรวมแทน และมีการติดตามข่าวสารต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้พบว่าการระดมทุนในตลาดรองปีนี้ปรับตัวคึกคักสูงสุดรอบ 2-3 ปี โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบจ.มีการเพิ่มทุนคิดเป็นมูลค่า 1.81 แสนล้านบาท เติบโต 115% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน อยู่ที่ 8.41 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธุรกิจของหลายบริษัทมีการขยายตัวมากขึ้นและหลายบริษัท เริ่มเรียนรู้เครื่องมือทางการเงินที่เพิ่มมากขึ้นด้วย เครื่องมือที่บจ.นิยมใช้มากที่สุดได้แก่ การออกหุ้นเพิ่มทุน (RO) และการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) จากปัจจุบันที่มีเครื่องมือทางการเงินทั้งหมด 9 รายการที่สามารถระดมทุนได้

นางเกศรา กล่าวถึงกรณีของบมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) ที่ขณะนี้ตลท. ได้ขึ้นเครื่องหมาย SP เพื่อให้บริษัทชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมว่า ยังไม่ได้รับการชี้แจงแต่อย่างใด โดยตลท.ต้องการให้ NMG ชี้แจงหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีคำสั่งให้คณะกรรมการบริษัท จำนวน 8 คนมีลักษณะขาดคุณสมบัติ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดสูญญากาศในการดำเนินธุรกิจ และกระทบต่อการทำธุรกรรมทางการเงินของบริษัท

ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันบจ. เริ่มเพิ่มการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจมากขึ้นจากเดิมที่เน้นการกู้เงินจากธนาคาร เริ่มหันมาใช้เครื่องมือตราสารทุน แต่ระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ระดับ 1.2-1.6 เท่า ซึ่งสะท้อนว่าโครงสร้างทางการเงินของบจ.ไทยมีความแข็งแกร่งค่อนข้างมาก

ทั้งนี้ ตลท. ยังเชื่อว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ยังน่าสนใจ และนักลงทุนทั่วโลกยังมองหาตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งประเทศไทยก็ถือว่าให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดี แม้ว่าจะไม่ได้สูงที่สุดก็ตาม นอกจากนี้ตัวเลขการส่งออกปัจจุบันเริ่มทรงตัว และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มีอัตราที่สูงขึ้น และไม่ลดลง ขณะที่ผลประกอบการบจ. มีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

ส่วนการที่นักลงทุนสถาบันในประเทศที่มีการขายสุทธิออกมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนตัวประเมินว่ามาจาก 2-3 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 20% ทำให้นักลงทุนสถาบันปรับพอร์ตการลงทุน ซึ่งช่วงที่ผ่านมาปรับไปแล้ว 2-3 ครั้ง แต่กระแสเงินทุนคงยังวนเวียนในตลาดหุ้นไทยเพราะยังไม่มีตลาดหุ้นอื่น ๆ ที่น่าสนใจช่วงนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ