LHFund คาดดัชนีหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 1,500-1,510 จุด แม้ระยะสั้นยังผันผวนรอความชัดเจนจากปัจจัยตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 11, 2016 18:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ (LHFund) คาดว่าดัชนีหุ้นไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 1,500-1,510 จุด บนสมมติฐานอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ/หุ้น (EPS Growth) ที่ 95 บาท/หุ้น โดยระยะสั้นตลาดหุ้นน่าจะยังมีความผันผวนอยู่ ทำให้ดัชนีจะยังแกว่งไซด์เวย์ เพื่อรอความชัดเจนของปัจจัยในต่างประเทศ เช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯคนใหม่ในวันที่ 8 พ.ย.นี้ ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อการกำหนดนโยบายการบริหารประเทศของสหรัฐฯ ที่มีผลกระทบกับตลาดเงิน และตลาดทุนทั่วโลก

ขณะเดียวกันการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนพ.ย.และกลางเดือนธ.ค.นี้ ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตา แต่ LHFund คาดว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯมากนัก

โดยนักลงทุนที่ลงทุนในระยะสั้นช่วงนี้ต้องมีความระมัดระวังในการลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานในระยะสั้น (เทียบกับ EPS สิ้นปี 2559) ตลาดหุ้นไทยถือว่าไม่ถูก

ขณะที่มองเป้าหมาย SET Index ปี 60 อยู่ที่ 1,600 จุด บนสมมติฐาน EPS Growth ที่ 107 บาท/หุ้น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ,ดอกเบี้ยในตลาดโลกยังอยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องที่ยังอยู่ในระดับสูงจากนโยบายการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางในหลายประเทศหลัก โดยหุ้นกลุ่มที่มีความน่าสนใจในปีหน้า จะเป็นหุ้นที่มีรายได้มาจากการบริโภคในประเทศ เช่น หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ, หุ้นกลุ่มการเงิน, หุ้นกลุ่มอาหาร,กลุ่มขนส่ง, กลุ่มค้าปลีก โดยเฉพาะหุ้นที่มีขนาดกลางถึงขนาดเล็ก (Small Cap)

ขณะเดียวกันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 59 จากเดิม 3.1% เป็น 3.2% จากการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 2 ที่เติบโตได้ดีกว่าคาด และในปี 60 ยังคงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 3.2% จากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น ,ผลกระทบจากโครงการรถคันแรกที่ทยอยหมดไป ,ผลประโยชน์จากการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 60 และมาตรการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนของภาครัฐ รวมถึงการลงทุนและการใช้จ่ายของภาครัฐ ส่วนปัจจัยที่ส่งผลกระทบเชิงลบ คือ ภาคการส่งออกที่ยังคงอ่อนแอ และภาคการท่องเที่ยวที่อาจได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ