(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดตปท.หลังผลประกอบการบจ.ในสหรัฐฯไม่ดี-ราคาน้ำมันปรับฐานเล็กน้อย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 12, 2016 09:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวลง ตามตลาดสหรัฐฯที่ร่วงแรงเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯออกมาไม่ดีสร้างความกดดันให้ตลาดฯ และราคาน้ำมันดิบก็ปรับฐานเล็กน้อย

ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราคงยังผันผวนอยู่ แต่หากปรับตัวลงก็ไม่น่าจะหนักมาก เพราะลงมาแรงในช่วง 2 วันที่ผ่านมาแล้ว แม้นักลงทุนจะยังกังวลในภาพรวมของตลาดฯ และ Fund Flow ไหลออกทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร ส่วนหนึ่งมาจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดกเบี้ย ส่งผลให้เงินทุนไหลกลับสหรัฐฯ ดังนั้น เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลง ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลที่นักลงทุนต่างชาติจะขายล็อคกำไรไว้ก่อน เพื่อลดความเสี่ยงในด้านอัตราแลกเปลี่ยน

พร้อมให้แนวรับ 1,430 จุด ส่วนแนวต้าน 1,450 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,128.66 จุด ร่วงลง 200.38 จุด (-1.09%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,246.79 จุด ลดลง 81.88 จุด (-1.54%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,136.73 จุด ลดลง 26.93 จุด (-1.24%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 174.03 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.93 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 162.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 18.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 8.96 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 15.09 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.24 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ต.ค.59) 1,442.21 จุด ลดลง 14.81 จุด (-1.02%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 507.49 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ต.ค.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 ต.ค.59) ปิดที่ 50.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 56 เซนต์ หรือ 1.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ต.ค.59) ที่ 5.11 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.40/41 แนวโน้มยังอ่อนค่า หลังดอลล์แข็งรับคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ย
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบปี 2559-2564 เพื่อให้เกิดระบบการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ให้สอดคล้องกับพันธกรณีและความตกลงภายใต้องค์การการค้าโลก (ดับเบิ้ลยูทีโอ) ซึ่งมีเป้าหมายลดการอุดหนุนจากภาครัฐ ลดข้อพิพาทระหว่างไทยและบราซิล
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือกับ แจ็ค หม่า ประธานกลุ่มบริษัท อาลีบาบา ว่า ผู้บริหารกลุ่มอาลีบาบาพร้อมจะช่วยผู้ประกอบการขนาดเล็กของไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่มีประมาณ 90% ให้มีโอกาสส่งสินค้าออกไปขายต่างประเทศมากขึ้น
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงตาม พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 โดยกฎกระทรวงจะกำหนดให้มีการแจ้งการนำเงินตรา ต่างประเทศมูลค่าเกินกว่าจำนวนที่กำหนดต่อเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ขณะที่ผ่านด่านศุลกากรทุกแห่งโดยเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร จะต้องรวบรวมข้อมูลและจัดส่งกระทรวงการคลังและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินต่อไป
  • นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การแจ้งเตือนของฝ่ายความมั่นคงว่าจะมีการก่อเหตุ คาร์บอมบ์ในช่วงวันที่ 25-30 ต.ค.นี้ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นการดำเนินการของฝ่ายความมั่นคงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างให้เป็นปกติ ซึ่งไม่กระทบต่อการขยายตัวของภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ ที่ขณะนี้เริ่มมีทิศทาง การฟื้นตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากสัญญาณเศรษฐกิจในหลายๆ ปัจจัยที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น และกระทรวงการคลังจะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่ในสิ้นเดือน ต.ค.นี้ โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ไม่น้อยกว่า 3.3%
  • รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการเข้าร่วมการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประจำปี 2559 ว่าประเทศไทยได้ใช้ช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำปรับโครงสร้างหนี้ของประเทศ เพื่อรองรับกรณีธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการปรับดอกเบี้ยขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ไทยได้เรียนรู้จากประสบการณ์ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจการเงินเอเชีย เมื่อปี 2540 ส่งผลให้มีการปฏิรูปการกำกับดูแลระบบการเงินพัฒนาตลาดตราสารหนี้และตลาดตราสารทุน มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพียงพอ รวมทั้งมีวินัยในการกู้ยืม ทำให้เศรษฐกิจของไทยมีเสถียรภาพสูงสามารถรองรับความผันผวนจากภายนอกที่เกิดขึ้นได้
  • นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยอมรับว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของหุ้นจดทะเบียนเข้าใหม่ (ไอพีโอ) จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.9 แสนล้านบาท เนื่องจากมีปัญหาทางเทคนิคในเชิงบัญชีจำนวน 2 บริษัทใหญ่ คือ 1.บริษัท โอสถสภา จำกัด 2.บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด มหาชน (บสก.) ซึ่งทั้งสองบริษัทมีมาร์เก็ตแคปประมาณ 1 แสนล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าทั้งสองบริษัทจะเข้าจดทะเบียนได้ในไตรมาส 1/60 ซึ่งจะทำให้ปีหน้า ตลท.จะมีมาร์เก็ตแคปของหุ้นไอพีโอเพิ่มขึ้นอย่างมาก

*หุ้นเด่นวันนี้

  • INTUCH (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 67 บาท หุ้น Dividend Play เป็นตัวเลือกที่ดีช่วงตลาดผันผวน โดยคาดอัตราปันผลทั้งปี 59 สูงถึง 7.67% และภาพรวมยังคงดี โดย ADVANC แม้จะเจอภาวะการแข่งขันที่รุนแรงและรายจ่ายช่วงครึ่งปีหลังที่สูง แต่ยังเชื่อ ADVANC จะยังคงความเป็นผู้นำในธุรกิจผู้ประกอบการโทรมือถือ ส่วน THCOM ภาพรวมระยะสั้นยังไม่สดใส ยังคงไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา แต่มีความแข็งแกร่งด้านกระแสเงินสด คาด FCF อยู่ที่ระดับ 4,500-5,500 ล้านบาทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
  • PTT (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดได้รับผลประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่โอเปกบรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน ประกอบกับภาพรวมธุรกิจก๊าซที่คาดว่าจะดีขึ้นในช่วง 2H59 นอกจากนี้ คาดว่า PTT จะได้ประโยชน์จาก พ.ร.บ. กองทุนน้ำมันใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงสิ้นปี 59 นี้
  • KCE (โกลเบล็ก) เป้า Consensus สูงสุด 125 บาท โดย Consensus คาดกำไรปี 59 ก้าวกระโดดเป็น 2.8 พันล้านบาท (+24%YoY) จากการเปิดใช้โรงงานใหม่เฟส 2 ช่วยประหยัดต้นทุนและสามารถผลิตสินค้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วน PCB ในอุตฯยานยนติ์เติบโตและ Demand สูง เนื่องจากเปลี่ยนมาใช้ระบบ Electronic ซึง KCE มีลูกค้าในกลุ่มยานยนต์ราว 70% นอกจากนี้ ลงทุน 35 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงเครื่องโรงงานเฟส 3 และเดินเครื่องในช่วง 1Q60 ช่วยกระตุ้นการเติบโตของยอดขาย อัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิ และวานนี้ประกาศเข้าซื้อที่ดิน-สนง.ในญี่ปุ่น มูลค่าราว 200 ลบ.รองรับการขยายธุรกิจ-สร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว
  • TU (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อลงทุน"เป้าปีหน้า 26 บาท การซื้อ Red Lobster มูลค่า 2 หมื่นล้านบาทในระยะสั้นยังไม่สร้างมูลค่าเพิ่มมากเพราะช่วงแรกจะมีค่าใช้จ่ายและรอการฟื้นตัวของผลประกอบการ Red Lobster (RL) แนวโน้มกำไร Q4/59 น่าจะต่ำกว่าเดิมที่คาด แต่ดีลนี้บวกในระยะยาวเมื่อ Red Lobster พลิกมีกำไรและเกิด Synergies หากอิงตามเป้าบริษัทประโยชน์ที่ได้เต็มปีจะกระทบกำไรของเรา 4% เพิ่มราคาเป้าหมายให้อีก 1 บาท แต่ยังคงประมาณการกำไรปีหน้าที่ +21.7% Y-Y ไว้ก่อนเพราะยังไม่มั่นใจว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ทันที

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ