โบรกฯ มองหุ้นกลุ่มโรงแรม-ท่องเที่ยวกระทบแค่ระยะสั้นคำสั่งงดกิจกรรมบันเทิงรื่นเริง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 14, 2016 15:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์มองว่าหุ้นในกลุ่มโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอาจได้รับผลกระทบแค่ในระยะสั้นจากคำสั่งงดกิจกรรมบันเทิงรื่นเริง เพราะมีการกระจายการลงทุนไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งเชื่อว่าช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4/59 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังคงเดินทางเข้ามาตามปกติ

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 15.32 น.

AAV อยู่ที่ 6.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท (+11.48%)

BA อยู่ที่ 23.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.60 บาท (+7.27%)

ERW อยู่ที่ 4.32 บาท เพิ่มขึ้น 0.28 บาท (+6.93%)

CENTEL อยู่ที่ 39.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท (+3.29%)

MINT อยู่ที่ 39.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท (+6.04%)

NOK อยู่ที่ 7.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท (+6.06%)

นักวิเคราะห์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในระยะสั้นกลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยวอาจได้รับผลกระทบบ้างจากปัจจัยในปัจจุบันที่เพิ่งเกิดขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมที่อาจจะกระทบในแง่ของการงดจัดงานเลี้ยงต่างๆ ที่ต้องเลื่อนออกไป ซึ่งมีผลต่อรายได้จากการใช้สถานที่ของโรงแรมและบริการอาหาร-เครื่องดื่ม แต่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นแค่ช่วงสั้นเท่านั้นหากเป็นไปตามระยะเวลาที่ภาครัฐขอความร่วมมือ 30 วัน

สำหรับแนวโน้มการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวในระยะสั้นนั้นประเมินว่าอาจจะมีผลกระทบบ้างเช่นกัน เพราะในช่วงนี้สถานที่ท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิงในยามราตรีในประเทศจะต้องปิดให้บริการไปชั่วคราว ทำให้นักท่องเที่ยวบางคนอาจจะตัดสินใจชะลอการท่องเที่ยวในประเทศไทยออกไปก่อน ซึ่งอาจยกเลิกการจองห้องพักโรงแรมบ้าง

แต่มองว่าในช่วงไตรมาส 4 นี้เป็นช่วงไฮซีซั่น แนวโน้มของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาในประเทศไทยยังน่าจะเดินทางเข้ามาต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานภาพรวมของกลุ่มท่องเที่ยวในไตรมาสสุดท้ายของปียังคงมีแนวโน้มที่สูงขึ้นกว่าในช่วงโลว์ซีซั่นในไตรมาส 3 แม้ว่าจะมีปัจจัยในประเทศที่ส่งผลกระทบก็ตาม

สำหรับผลกระทบของการจับจ่ายใช้สอยสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามานั้น มองว่าน่าจะยังจับจ่ายใช้สอยกันตามปกติ แต่สำหรับการจับจ่ายของคนไทยนั้น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคคงไม่ได้รับผลกระทบ แต่กลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบมากจะเป็นกลุ่มสินค้าแฟชั่นที่ความรู้สึกยังอยู่ภาวะเศร้าโศก และสินค้าที่เป็นที่นิยมในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คือ กระเช้าปีใหม่ ในช่วงปลายปีนี้และต้นปีหน้าอาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย

ด้านภาพระยะยาวยังมีมุมมองที่ดีต่อภาคการท่องเที่ยวไทย จากการสนับสนุนของภาครัฐในการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน มองว่านักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่ยังคงมีความสนใจที่จะท่องเที่ยวในประเทศไทย มากกว่าไปเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในต่างประเทศมีสัดส่วนคิดเป็น 10% ของประชากรชาวจีนทั้งหมด

มุมมองต่อกลุ่มท่องเที่ยวในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มโรงแรมยังคงเป็นบวกอยู่ หุ้นที่มีความโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม คือ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เนื่องจากมีการกระจายการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและอาหารทั้งในและต่างประเทศ ทำให้มีความเสี่ยงเรื่องผลกระทบของปัจจัยในแต่ละประเทศที่ลงทุนแตกต่างกัน อีกทั้งการลงทุนเข้าซื้อโรงแรมแบรนด์ Tivoli ในโปรตุเกส ซึ่งจะมีรายได้เข้ามาเต็มปีในปี 60 ทำให้ MINT มีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในปีนี้และปีหน้า โดยปีนี้นี้ประเมินกำไรของ MINT จะเพิ่มขึ้นราว 20-30% จากปีก่อน

ขณะที่ภาพในระยะสั้นของหุ้นกลุ่มโรงแรม 3 บริษัทหลัก คือ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) และบมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยในสถานการณ์ปัจจุบันบ้างเล็กน้อย จากความไม่แน่นอนของการตัดสินใจชะลอการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจยกเลิกจองห้องพักบางส่วน เพื่อรอดูข่าวสารต่างๆ

ทั้ง 3 บริษัทจะมีผลกระทบในส่วนการเข้าพักของนักท่องเที่ยวต่างชาติในโรงแรมที่ประเทศไทย เพราะพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึง 90% โดยเฉลี่ย และคงได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เข้าพักเล็กน้อย เพราะมีสัดส่วนเฉลี่ยเพียง 10% ประกอบกับผลกระทบของการเลื่อนการจัดงานในช่วงนี้ทำให้รายได้จากค่าใช้สถานที่จัดงานและรายได้อาหารในโรงแรมหายไปบ้าง

โดยมองว่าในระยะสั้นหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ERW เพราะรายได้หลักเกือบทั้งหมดมาจากธุรกิจโรงแรม และส่วนใหญ่คือรายได้จากธุรกิจอาหารในโรงแรมมากถึง 40% ซึ่งประเมินว่าในระยะสั้นปัจจัยในปัจจุบันจะกระทบรายได้ของ ERW น้อยกว่า 5% ขณะที่ MINT และ CENTEL มีการกระจายการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและอาหารอื่นๆ อีกทั้งลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า โดยเฉพาะ MINT ที่คาดว่ารายได้จะได้รับผลกระทบในระยะสั้นน้อยกว่า 1% ส่วน CENTEL คาดว่ารายได้ได้รับผลกระทบในระยะสั้นน้อยกว่า 3%

นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ในปัจจบันยังมองว่าเร็วไปที่จะประเมินผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว และผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว เพราะว่าเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น แต่มองว่าอาจจะมีผลกระทบบ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะการจัดงานต่างๆ ที่ต้องเลื่อนออกไป

ขณะที่แนวโน้มของจำนวนนักท่องเที่ยวคาดว่าจะยังไม่มีผลกระทบมากนัก เพราะใกล้เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น แนวโน้มนักท่องเที่ยวคงยังเดินทางเข้ามาตามปกติ ทั้งนี้ มองว่ายังต้องรอการประเมินผลกระทบของกลุ่มท่องเที่ยวอีกครั้ง แต่ในส่วนของการลงทุนนั้นหุ้นในกลุ่มนี้ยังความน่าสนใจในการลงทุน และราคาของหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวทั้งหมดในปัจจุบันถือว่าเป็นราคามีความน่าสนใจที่สามารถทยอยเข้าซื้อได้ เพราะได้ปรับตัวลดลงไปในช่วงก่อนหน้านี้ค่อนข้างมากแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ