FN พร้อมเข้าเทรดกลาง พ.ย.ชูสาขาอยุธยา Flagship Store ใหม่,ดันเฮ้าส์แบรนด์ตั้งร้าน-รุกอีคอมเมิร์ซ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 19, 2016 11:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท (FN) กางแผนสร้างสรรค์สาขาเอ๊าท์เลทรูปแบบใหม่รวมแหล่งช้อปปิ้งสินค้าหลากหลาย เอ็นเตอร์เทนท์เม้นท์ และจุดพักผ่อน ด้วยการขยายสาขาใหม่พร้อมปรับปรุงสาขาเดิม ตั้งเป้าภายในปี 61 เปิดเพิ่มอีกอย่างน้อย 4 สาขา ประเดิมสาขาอยุธยา เป็น Flagship Strore รูปแบบใหม่แห่งแรก ชูกลยุทธ์จับตลาดประชากรในจังหวัดเส้นทางท่องเที่ยวทั่วประเทศ นักท่องเที่ยวระดับกลาง-สูง และตลาด AEC

ขณะเดียวกัน เตรียมแผนผลักดันแบรนด์ที่แข็งแรงออกมาตั้งร้าน Stand Alone พร้อมรุกทำตลาดอีคอมเมิร์ซ-ออนไลน์ไปพร้อมกัน หลังการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 250 ล้านหุ้น โดยจะแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายในช่วงต้นเดือน พ.ย.59 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ช่วงกลางเดือน พ.ย.59

นายปรีชา ส่งวัฒนา ประธานกรรมการบริหาร FN กล่าวว่า สาขารูปแบบใหม่จะขยายจากการเป็นเอ๊าท์เลทที่จำหน่ายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์และพันธมิตรแบบเดิม ไปสู่การบริการพื้นที่ภายในสาขาตั้งร้านค้าเพิ่ม ทำจุดพักผ่อนระหว่างการเดินทาง และแหล่งบันเทิงดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น ภายใต้คอนเส็ปต์ ต้องสนุกกับการเข้ามาช้อปปิ้งในเอฟเอ็นเอ๊าท์เล็ต

FN ดำเนินธุรกิจศูนย์จัดจำหน่ายสินค้า ประเภท “เอ๊าท์เลท"จำหน่ายสินค้าของบริษัทเป็นส่วนใหญ่ และตราสินค้าอื่นๆ ที่รับฝากขายและรับซื้อเพื่อมาวางจำหน่าย ปัจจุบัน มีเอ๊าท์เลท 7 สาขา ได้แก่ สาขาเพชรบุรี กาญจนบุรี พัทยา ปากช่อง สิงห์บุรี หัวหิน และศรีราชา นอกจากนี้ยังมีบริษัทย่อย คือ บริษัท เซฟ นาว จำกัด (SN) จำหน่ายสินค้าประเภทเสื้อผ้าและเครื่องใช้ในบ้านในรูปแบบห้างสรรพสินค้า เป็นแบรนด์รอง (Fighting Brand) เน้นกลุ่มลูกค้าผู้มีรายได้ระดับปานกลางถึงระดับล่าง มีร้าน SAVE NOW 1 แห่งที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

นายปรีชา กล่าวว่า บริษัทจะขยายสาขาเอ๊าท์เล็ตเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นจังหวัดที่เป็นเส้นทางสายหลักสำหรับการท่องเที่ยวของประเทศ เพื่อรองรับความต้องการซื้อของลูกค้าในจังหวัดต่างๆ ภายใต้รูปแบบให้มีความสะดวกสบายในการจับจ่ายซื้อของ รวมถึงการพักผ่อน ผ่านความพิถีพิถันในการสรรค์หาผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายและสอดรับกับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะขณะนี้ประเทศไทยได้เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งบริษัทมองว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัทเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี ภายในปี 61 บริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่ม 4 สาขา โดย 1 ใน 4 สาขา ได้แก่ สาขาอยุธยา ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการภายในไตรมาส 4/59 ซึ่งจะเป็นสาขารูปแบบใหม่แห่งแรก ส่วนอีก 3 สาขาใหม่จะใช้งบลงทุนต่อสาขาประมาณ 120 ล้านบาทและใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 90 วัน จะใช้เงินจากการเสนอขาย IPO ส่วนหนึ่ง ร่วมกับกระแสเงินสด และการกู้เงินจากสถาบันการเงิน แต่ละสาขาใช้พื้นที่ราว 30-40 ไร่ อาจเป็นการซื้อที่ดินใหม่หรือเช่าที่ดินมาสร้างสาขา

นอกจากนั้น จะปรับปรุงสาขาเดิมให้เป็นรูปแบบเดียวกันกับสาขาใหม่ที่กำลังจะเปิดในอนาคตที่จะมีความทันสมัย และมีสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงสร้างแรงจูงใจในการซื้อสินค้าของลูกค้าได้ อาทิ การจัดสรรพื้นที่สำหรับพักรอซือสินค้าของผู้ใหญ่และของเด็ก เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะปรับปรุงทั้ง 7 สาขาให้แล้วเสร็จภายในปี 62 คาดว่าต้องใช้งบประมาณต่อสาขาประมาณ 7 ล้านบาท โดยภายในปี 60 จะเริ่มจากการปรับปรุงสาขาปากช่อง หัวหิน และเพชรบุรี

"เราจะเปิดสาขาใหม่ทุกปีจนถึงปี 61 ปีละ 1-2 สาขา เป็นรูปแบบใหม่ที่จะมีบริการเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่ช้อปปิ้ง แต่ต้องทำให้สนุกกับการเข้ามาด้วย...เราไม่มีคู่แข่งโดยตรง มีแต่คู่แข่งทางอ้อม ขณะที่เรายังมีจุดได้เปรียบที่มีสินค้าของตัวเองที่ออกแบบเองและคัดสรรจากแหล่งผลิตโดยตรง ทำให้ได้สินค้าราคาต่ำที่มีคุณภาพสูง"นายปรีชา กล่าว

นายปรีชา ยังเปิดเผยว่า บริษัทยังมีแผนจะผลักดันแบรนด์สินค้าของบริษัทที่มีความแข็งแรงออกมาตั้งเป็นร้านค้าเฉพาะแบรนด์ดังกล่าว อย่างเช่น แบรนด์ Prim ที่เป็นสินค้าเครื่องนอนและเครื่องใช้ในครัวเรือน เฟอร์นิเจอร์ และกระเป๋าเดินทาง เป็นต้น โดยอาจจะเปิดจุดขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ หรือตั้งร้านค้า Stand Alone ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสินค้าเฮ้าส์แบรนด์วางจำหน่ายในเอ๊าท์เลทมากกว่า 65% นอกจากนั้น ยังมีร้านค้า "ต้นกล้า" ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาภายในชุมชนที่บริษัทตั้งสาขาอยู่ สามารถต่อยอดธุรกิจตั้งเป็น Social Enterprise

พร้อมกันนั้น บริษัทยังมีแผนจะเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านอีคอมเมิร์ซ และการทำตลาดออนไลน์ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ของ FN คาดว่า FN จะสามารถเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 250 ล้านหุ้นในเดือน พ.ย.โดยมีวัตถุประสงค์การใช้เงินเพื่อลงทุนขยายสาขา 360 ล้านบาทภายในปี 61 ลงทุนปรับปรุงสาขาเดิม 50 ล้านบาทภายในปี 62 ชำระคืนเงินกู้ยิมระยะยาว 380 ล้านบาทภายในปี 59 ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการขยายธุรกิจในอนาคต

ทั้งนี้ บริษัทจะเดินทางไปให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันในต่างประเทศที่สิงคโปร์และฮ่องกงมากกว่า 10 กองทุนในช่วงวันที่ 24-25 ต.ค.นี้ หลังจากเสร็จสิ้นการให้ข้อมูลกับนักลงทุนในประเทศแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ