ก.ล.ต.ร่วม 7 หน่วยงานพันธมิตรจัด FinTech Challenge ประกวดผลงานนวัตกรรมด้านการเงิน-ลงทุน-ประกันภัย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 19, 2016 14:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับ 7 หน่วยงานพันธมิตรร่วมส่งเสริมความรู้และการพัฒนาด้านฟินเทคด้วยการจัดโครงการ “FinTech Challenge" เพื่อสร้างสรรค์ผลงานนวัตกรรมด้านการเงิน การลงทุน และการประกันภัย ชิงทุนกว่า 400,000 บาท เปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการถึง 31 ตุลาคมนี้

ก.ล.ต.ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร 7 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ศูนย์ C Asean และชมรมฟินเทคแห่งประเทศไทย จัดโครงการ FinTech Challenge เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการเข้าใจตลาดการเงิน การลงทุน และการประกันภัย มีโอกาสแลกเปลี่ยน พบปะกับผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสให้เกิดบริการรูปแบบใหม่ ๆ และส่งเสริมให้ผู้เล่นในตลาดเพิ่มมากขึ้น

"กระแสฟินเทคที่เข้ามาในขณะนี้ทำให้เห็นความตื่นตัวของภาคการเงิน ตลาดทุน และประกันภัยอย่างชัดเจน ซึ่ง ก.ล.ต. ให้ความสำคัญในการสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจและประชาชน จึงได้จัดโครงการ FinTech Challenge โดยมุ่งหวังว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยจุดประกายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความพร้อม รู้เท่าทัน และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนช่วยสร้างความเข้าใจให้กับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อนำไปสู่การปรับเกณฑ์ที่สอดคล้องกับนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี"นายรพีกล่าว

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า Fintech ครอบคลุมทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับระบบการชำระเงิน การให้คำปรึกษาทางการเงิน การให้สินเชื่อ รวมทั้งการสนับสนุนระบบหลังบ้านของสถาบันการเงิน ดังนั้น เพื่อให้ FinTech ไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน มีความน่าเชื่อถือ และปลอดภัย ธปท.ให้ความสำคัญกับหลักการ 3 ประการ คือ การคุ้มครองผู้ใช้บริการ การส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงิน และการดูแลเสถียรภาพของระบบการเงิน

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า FinTech มีแง่บวกคือเป็นการปฏิวัติรูปแบบการให้บริการการทำธุรกรรมทางการเงินโดยอาศัยเทคโนโลยีไปสู่การทำธุรกรรมที่สะดวกรวดเร็วและค่าธรรมเนียมที่ลดลง ซึ่งธุรกิจประกันภัยเรียกกันว่า InsurTech คือ การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองวิถีชีวิตและความต้องการที่แท้จริง และการให้บริการอย่างครบวงจรตั้งแต่การเสนอขาย การให้คำปรึกษาและเครื่องมือในการยกระดับคุณภาพชีวิต จนถึงการจ่ายผลประโยชน์หรือค่าสินไหมทดแทน อีกทั้งเทคโนโลยียังสามารถช่วยลดต้นทุนในการบริหารจัดการ และการหาโอกาสทางธุรกิจของบริษัทประกันภัย ดังนั้น ธุรกิจประกันภัยจึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวอย่างมาก แต่สิ่งที่จะต้องระมัดระวังคือหากประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจและถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ประโยชน์ ก็จะเกิดผลกระทบในทางลบ ทำให้เกิดช่องทางหลอกลวง ฉ้อฉลได้ง่าย จึงจำเป็นต้องกำหนดกฎกติกาในการประกอบธุรกิจประกันภัยโดยอาศัยช่องทางนี้ที่มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานการกำกับดูแลในทิศทางที่สอดคล้องกับองค์กรกำกับดูแลสถาบันการเงินอื่นๆ

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการนี้นับเป็นเวทีแรกๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะได้นำเสนอแนวความคิดเพื่อพัฒนาตลาดทุนของเราที่คาดว่าจะใช้ได้ต่อเนื่องในระยะยาว สอดคล้องกับการทำงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการทำงานเพื่อมุ่งสู่ digital exchange โดยที่ผ่านมาเราได้พัฒนาในทุกๆ มิติ ที่เกี่ยวข้องกับ digital มาโดยตลอด ทั้งเรื่องการพัฒนา technology การนำนวัตกรรมมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยทั้งผู้ลงทุน ผู้ประกอบการ รวมถึงผู้มีส่วนร่วมในธุรกิจของตลาดทุนไทย นอกจากนั้น เราพัฒนา application ต่างๆ การให้ข้อมูลความรู้ผ่านช่องทาง social network เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยเน้นข้อมูลที่ถูกต้องและนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้จริง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้ดำเนินการร่วมกับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุน startup โดยเฉพาะให้กลุ่มของ FinTech Startup ซึ่งเราเชื่อมั่นว่ากลุ่มเหล่านี้จะเติบโตและสามารถที่จะทำงานร่วมกับเราต่อไปได้อย่างดี และแนวคิดที่จะได้จากผู้เข้าประกวดในโครงการนี้จะยิ่งสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทยให้ก้าวล้ำไปยิ่งขึ้นอีกด้วย

นางสุวิภา วรรณสาธพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (ซอฟต์แวร์พาร์ค) ภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เชื่อมั่นว่าโครงการ FinTech Challenge ครั้งนี้ จะส่งผลให้ทางผู้ประกอบการรุ่นใหม่ มีแนวความคิดที่กว้างไกล เข้าใจถึงขอบเขตของกฎเกณฑ์ในประเทศไทย เพื่อที่จะพัฒนาสินค้าที่ไปใช้ประโยชน์ได้จริง รวมทั้งทำให้หน่วยงานกำกับดูแลได้เข้าใจถึงแนวความคิดใหม่ ๆ เพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์กับอุตสาหกรรมการเงินและประเทศชาติได้ ก่อให้เกิดการแข่งขันเทียบทันนานาประเทศในด้านตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดประกันภัยต่อไป

นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ฟินเทค คือแพลตฟอร์มสำหรับการกำเนิดและแพร่กระจายนวัตกรรมการเงิน ซึ่งเป็นรูปแบบนวัตกรรมสำหรับศตวรรษที่ 21 และสังคมโลกยุคใหม่ทางการเงิน ธนาคาร และตลาดทุน คือพื้นที่ใหม่ของนวัตกรรมแทนโรงงานอุตสาหกรรมและการผลิต

นางการดี เลียวไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ C Asean กล่าวว่า เชื่อว่าการพัฒนาเติบโตของอุตสาหกรรมฟินเทคจะเป็นข้อต่อสำคัญในการพัฒนาประเทศและภูมิภาคต่อไปในอนาคต การเข้าถึงเงินที่ง่ายขึ้น การที่ต้นทุนทางธุรกรรมการเงินถูกลง จะทำให้เรามีขีดความสามารถที่ดีขึ้น ถ้ามองไปแล้วฟินเทคในประเทศไทยกำลังเป็นที่จับตามองของประเทศเพื่อนบ้านและได้รับการยอมรับว่าเป็นต้นแบบในการพัฒนาเนื่องจากมีการรวมตัวกันระหว่างสตาร์ทอัพ ธนาคาร ภาคเอกชน รวมไปถึงหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนฟินเทคให้ต่อยอดต่อไปในตลาดโลก

นพ. ศุภชัย ปาจริยานนท์ รองประธานชมรมฟินเทค กล่าวว่าเชื่อมั่นว่าจะมีนวัตกรรมทางการเงินที่น่าสนใจเกิดขึ้นจากโครงการอย่างแน่นอน สอดคล้องกับพันธกิจของชมรมฯ ที่จะสนับสนุนให้ฟินเทคสตาร์ทอัพของไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกจำเป็นจะต้องผ่านเวทีระดับประเทศก่อน ซึ่ง FinTech Challenge จะเป็นเวทีที่สตาร์ทอัพสามารถลับคมไอเดีย ต่อยอดทางธุรกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ