(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ กังวลการเลือกตั้งในสหรัฐฯ,เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเดือนธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 3, 2016 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ เนื่องจากแรงหนุนยังไม่เด่นชัด ขณะที่ตลาดฯยังมีความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งของสหรัฐฯ แม้ว่าผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ แต่ก็มีการส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. อีกทั้งราคาน้ำมันก็ร่วงลงด้วย ซึ่งน่าจะไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน

อย่างไรก็ดี ก็ยังคาดหวังว่าหุ้นขนาดกลางและเล็กจะช่วยดันตลาดฯไว้ได้ โดยเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยเด่นเฉพาะตัวก็อาจจะปรับตัวได้ดี แต่ก็ให้ระวังการอ่อนตัวลงของตลาดฯด้วย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ทรงตัว

พร้อมให้แนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500-1,508 ถัดไปก็ 1,518 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 พ.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,959.64 จุด ลดลง 77.46 จุด (-0.43%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,105.57 จุด ลดลง 48.01 จุด (-0.93%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,097.94 จุด ลดลง 13.78 จุด (-0.65%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 5.96 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 101.95 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 12.75 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 4.01 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 5.54 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.41 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ ลดลง 22.03 จุด

ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันวัฒนธรรมแห่งชาติ

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 พ.ย.59) 1,498.65 จุด ลดลง 5.87 จุด (-0.39%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 882.98 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 พ.ย.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 พ.ย.59) ปิดที่ 45.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.33 ดอลลาร์ หรือ 2.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 พ.ย.59) ที่ 8.13 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.92 แข็งค่าหลังดอลลาร์อ่อน กังวลความไม่แน่นอนของการเมืองสหรัฐ
  • ธปท.เผยสถาบันการเงินมองว่าไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นหลายกลุ่ม โดยเฉพาะบัตรเครดิตและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ แต่ยังคงเข้มงวดปล่อยกู้ต่อ หนักสุดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจยังขยายตัวในระดับต่ำ
  • ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการของเงินหยวนอ่อนค่าลงถึง 1.28% ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นระดับอ่อนสุดในรอบ 6 ปีนั้น เป็นผลมาจากทางการจีนกำหนดค่ากลางของเงินหยวนในทิศทางที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และการอ่อนค่าดังกล่าวก็ถือว่าเป็นไปตามกลไกตลาดที่มาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นสำคัญ โดยเฉพาะหลังจากที่นักลงทุนปรับเพิ่มคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยได้อีกครั้งภายในปีนี้
  • รองผู้อำนวยการและโฆษกสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 พ.ย.นี้ ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานคณะกรรมการเตรียมการตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ จะประชุมคณะกรรมการเพื่อสรุปโครงสร้างของกองทุนทั้งหมด เพื่อที่จะระดมทุนให้ได้ 1 แสนล้านบาท
  • คมนาคมเดินหน้าแผนพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ 5.8 หมื่นล้านบาท นำร่องปี 60 เปิดประมูล แปลงเอ 32 ไร่ วงเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท ให้เอกชนร่วมลงทุนแบบพีพีพี เน็ตคอสต์ ยอมรับแผนพัฒนาพื้นที่ กม.11 วงเงิน 1 แสนล้านบาทสะดุด ติดปัญหารื้อย้ายบ้านพักพนักงาน เลื่อนเปิดร่วมทุนปี 63
  • กกพ.ยันไม่มีทุจริต ประมูลโรงไฟฟ้าขยะอุตฯ เตรียมชี้แจงเหตุ 19 โครงการ ที่ไม่ผ่าน พร้อมเร่ง 7 รายที่ผ่านดำเนินการขั้นต่อไป ให้ทัน COD เดือน ธ.ค.62

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SAT (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 17.50 บาท ผลการดำเนินงานงวด Q3/59 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีกว่าที่คาดเดิม โดยเฉพาะในส่วนของคูโบต้า โดยคาดว่ากำไรสุทธิ Q3/59 จะอยู่ที่ 168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% QoQ แต่ลดลง 7% YoY พร้อมคาดแนวโน้มกำไรสุทธิงวด Q4/59 จะทรงตัวได้ดีจาก Q3/59 ส่งผลให้คาดว่ากำไรสุทธิรวมทั้งปี 2559 จะดีกว่าที่เคยคาดไว้เดิม พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2560 จะเริ่มกลับมาเติบโต จากยอดการผลิตรถยนต์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านคัน จากปี 2559 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.9–1.95 ล้านคัน
  • IRPC (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 5.42 บาท จาก Catalyst ที่จะผลักดันผลประกอบการในระยะยาวคาดว่ามาจากโครงการ UHV คาดว่าจะสร้าง GIM contribution ได้ราว 1.50 เหรียญฯต่อบาร์เรลในปี 60, โครงการ Everest ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต โดยบริษัทตั้งเป้าที่ 1,500 ล้านบาทต่อปี, กำไร 3Q59 เป็นจุดต่ำสุดของปี และแนวโน้มธุรกิจหลัก 4Q59F ฟื้นตัวจากช่วงฤดูหนาว ได้แรงหนุนจากค่าการกลั่น-อัตรากำไรปิโตรเคมีฟื้นตัว ด้านผลประกอบการ 3Q59 มีกำไรสุทธิ 1,307 ล้านบาท ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย และน่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี
  • ROBINS (ยูโอบี เคย์เฮียน) ผลประกอบการเข้าสู่ช่วง high season ปลายปี และมีโอกาสเติบโตดีกว่าคาดหลังกำลังซื้อต่างจังหวัดมีแนวโน้มดีขึ้นตามรายได้ภาคการเกษตรก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 12.4% นอกจากนี้ยังได้ผลดีจากเม็ดเงินอัดฉีดภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ ราคาหุ้นซื้อขายที่ PEG เท่า CPALL แต่ถูกกว่าในเชิง PER และ EV/EBITDA
  • TVO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 40 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/59 จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1 พันล้านบาท +26% Q-Q, +53% Y-Y จากการเติบโตของทั้งธุรกิจน้ำมันถั่วเหลือง (ราคาปาล์มซึ่งเป็นสินค้าทดแทน แพงขึ้น) และกากถั่วเหลือง (ราคากากถั่วเหลืองนำเข้าแพงขึ้น ผู้ประกอบการจึงหันมาซื้อกากถั่วเหลืองในประเทศมากขึ้น) แนวโน้มกำไร Q4/59 จะชะลอตามฤดูกาล โดยปรับกำไรสุทธิปี 2559 ขึ้น 27% เป็น +44% Y-Y จากเดิมคาด +13% Y-Y และปรับกำไรปีหน้าขึ้น 16% แต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับฐานสูงในปีนี้ และคาด Dividend yield 8% ต่อปี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ