โบรกฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) หลังมองแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อแข็งแกร่งในปีนี้ และต่อเนื่องถึงปี 60 จากความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ (เมกะโปรเจ็คต์) ตลอดจนการเติบโตการค้าชายแดน นอกจากนี้ การที่ทริสเรตติ้งปรับเพิ่มเครดิตเป็น "A-" จะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง ช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจ
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะช่วยสนับสนุนให้กำไรเติบโตได้ดีต่อเนื่อง และยังนับเป็นหุ้นจ่ายปันผลดี อีกทั้งมีศักยภาพการเติบโตอีกมากทั้งจากตลาดรวมที่เติบโต สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้น และการเป็นบริษัทย่อยของธนาคารธนชาต ซึ่งให้การสนับสนุนทั้งการขยายธุรกิจ และการควบคุมความเสี่ยงปล่อยสินเชื่อ
ราคาหุ้น THANI ช่วงบ่ายอยู่ที่ 5.10 บาท ลดลง 0.15 บาท (-2.86%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.39%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เอเชีย เวลท์ ซื้อ 6.20 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 6.20 ไอร่า ซื้อ 5.90 ธนชาต ซื้อ 6.40 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซื้อ 6.10นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ คาดว่ากำไรสุทธิของ THANI ในปีนี้จะอยู่ที่ 855 ล้านบาท เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 14.3% จากปีก่อน จากการขยายตัวของสินเชื่อที่คาดว่าจะอยู่ระดับ 12% และสินเชื่อจะยังคงเติบโตต่อในปี 60 โดย THANI คาดว่าสินเชื่อในปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 15% สอดคล้องกับที่ค่ายรถยนต์ lSUZU และ HINO ประมาณการยอดขายรถบรรทุกในประเทศว่าจะเพิ่มขึ้น 15% ในปีหน้า
ปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตเหล่านี้มาจากความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกที่เพิ่มขึ้นหนุนโดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ และการค้าตามชายแดน ส่วนผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น แท๊กซี่ และรถหรู คาดว่าจะเติบโตดีเช่นกันในปีหน้า จากสมมติฐานปี 60 คาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อจะเท่ากับ 15% ซึ่งตรงกับเป้าของบริษัท
ทั้งนี้ ในปี 60 ประมาณการสัดส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อ (credit cost) จะอยู่ที่ 145bps ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NlM) คาดว่าจะอยู่ที่ 4.9% ซึ่งจะผลักดันให้กำไรในปีหน้าเพิ่มขึ้น 21.3% จากปีนี้ ถึงแม้ว่า THANI อาจเผชิญแรงกดดันจากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อที่แข็งแกร่งจะช่วยลดความกังวลในเรื่องนี้ได้มาก
"คาดการณ์กำไรสุทธิจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งปี 59 ที่ 14% และปี 60 เติบโต 21.3% ได้ประโยชน์การลงทุนที่ฟื้นตัวเร็วของภาครัฐ และเร็วกว่าที่บริษัทคาด ในส่วนของสินเชื่อแม้แต่ธนาคาร สินเชื่อก็ยังโตแค่ 1-2% ส่วน THANI โตกว่า 10% และปี 60 ก็จะเร่งขึ้นไปอีก เพราะเมื่อมีการลงทุนเมกะโปรเจคท์โครงการภาครัฐ ความต้องการใช้รถบรรทุกก็จะเพิ่มขึ้น ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านการค้าชายแดนเติบโตก็ทำให้เร่งการขอสินเชื่อ จึงมองว่าสินเชื่อจะเติบโตสูงในปี 60"นายวรุตม์ กล่าวนางสาวสุนันทา วสะภิญโญกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่า กำไรสุทธิของ THANI ในปี 59 จะอยู่ที่ 883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ที่ 952 ล้านบาท เติบโต 7.8% จากปีนี้ จากแนวโน้มยอดขายรถบรรทุกในปีหน้าจะดีกว่าปีกว่าปีนี้ ตามการฟื้นตัวของภาคการลงทุนและการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนเอื้อต่อการขายรถดัมพ์ รวมถึงการค้าชายแดนและการฟื้นตัวของภาคส่งออกเอื้อต่อการขายรถหัวลาก และคาดปี 59 จะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ราว 4.3%
นักวิเคราะห์ บล.ไอร่า คาดว่ากำไรของ THANI ในปี 60 จะอยู่ที่ 1,025 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ระดับ 0.42 บาท เติบโต 16.87% จากปีนี้ โดยมีปัจจัยบวกหลักจากต้นทุนการเงิน (Cost Of Fund:COF) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากที่ทริสเรตติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ของ THANI จาก "BBB+" เป็น "A-" ส่งผลหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดปี 60 จำนวน 5,760 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22% ของเงินกู้ทั้งหมด มีดอกเบี้ยระหว่าง 4.7-4.8% ลงเหลือ 2.5-2.8% ทำให้คาดว่าการชดเชยจากต้นทุนทางการเงิน จะปรับลดลงเหลือ 3.50% จากปี 59 ที่คาดไว้ที่ 3.68%
นอกจากนี้สิ นเชื่อปี 60 คาดเติบโต 16.7% ปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อประกอบด้วย รถบรรทุก 71% ,รถขนาดใหญ่ (Super Car) 15% โดยมองว่าสินเชื่อรถบรรทุกใหม่ และสินเชื่อรถ Super Car ซึ่งปัจจุบัน THANI เป็นเจ้าตลาดของรถประเภทนี้ จะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในปีหน้าจากสถานการณ์สินค้าเกษตรที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากที่เจอปัญหาภัยแล้ง และโครงการลงทุนเมกะโปรเจคของรัฐบาลช่วยกระตุ้นความต้องการรถบรรทุก
ส่วนประเด็น (มาตรฐานบัญชีใหม่) IFRS 9 ที่จะมีผลบังคับใช้ต้นปี 62 มองว่ายังอยู่ในวิสัยที่จัดการได้ โดยประเมินว่า ณ สิ้นปี 61 ค่าเผื่อสำรองหนี้สูญ (LLR) จะต้องอยู่ระดับ 1,820–2,100 ล้านบาท ณ ระดับสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) ที่ 4.5% ของสินเชื่อรวม โดยตั้งสำรองปีละ 570-660 ล้านบาท จะทำให้ LLR ในปี 62 อยู่ที่ 2,064–2,100 ล้านบาท
"แนะซื้อจากความน่าสนใจ ตลาดรถบรรทุกยังคงเติบโตสูงในปีหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากเมกะโปรเจคท์ของรัฐบาลและสถานการณ์สินค้าเกษตรกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ,ทริสเรตติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตส่งผลให้ COF ปรับตัวลดลง"นักวิเคราะห์ กล่าวขณะที่ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ มอง THANI มีแนวโน้มเป็นบวกมากขึ้นในปีหน้า แม้ปีนี้จะทำผลงานได้ดี สะท้อนจากยอดปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน และพอร์ตเพิ่มขึ้น 9.4% นับตั้งแต่ต้นปี แต่คาดว่าปีหน้าจะดียิ่งขึ้นอีก จากปัจจัยสนับสนุนหลักเกิดจากยอดขายรถบรรทุกเติบโตดีขึ้น ผู้ผลิตอย่าง ISUZU และ HINO ต่างเห็นพ้องว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 15% ในปีหน้าดีขึ้นจากปีนี้ที่เพิ่มขึ้น 10% ขณะที่ THANI เองก็มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น โดย ISUZU เปิดโอกาสให้ทำโปรโมชั่นเพียงรายเดียวในหลายโอกาส ส่วนแบ่งตลาดจึงเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้าหมายเพิ่มจาก 15% เป็น 20%
นอกจากนี้ ปัจจัยบวกที่สำคัญคือจะมีรถแท็กซี่ครบอายุใช้งานสูงถึง 2.5 หมื่นคันในปีหน้า คิดเป็น 30% ของทั้งระบบ และสูงขึ้นจากปกติที่ครบปีละ 8,000 คัน โดย THANI บอกว่าได้เตรียมพร้อมเข้าแข่งขันแล้วเพราะเป็นตลาดที่น่าสนใจและ NPL ไม่สูงโดยอยู่ในระดับต่ำกว่า 2%
ขณะที่ ทริสเรตติ้ง ปรับเพิ่มเครดิตจาก "BBB+" ขึ้นเป็น "A-" ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญและเกิดขึ้นเร็วกว่าคาด ธนาคารต่าง ๆ และนักลงทุนสถาบันได้เริ่มทยอยลดอัตราดอกเบี้ยให้แล้ว THANI ยังมีหุ้นกู้ต้นทุนสูงที่ทยอยครบกำหนดอีกถึง 10 รุ่น เกือบ 1.2 หมื่นล้านบาทไปจนถึงกลางปีหน้า เครดิตที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลดต้นทุนได้มากกว่าเดิม ซึ่งได้ประโยชน์อยู่แล้วจากดอกเบี้ยตลาดต่ำ
ทั้งนี้ THANI ตั้งเป้ายอดสินเชื่อปล่อยใหม่เติบโต 19% ในปีหน้าและพอร์ตเติบโตจาก 3.3 หมื่นล้านบาท เป็น 5 หมื่นล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% อย่างไรก็ดี เราประมาณการว่าสินเชื่อจะเติบโต 12% ซึ่งเป็นประมาณการที่มีความระมัดระวัง และด้วยค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่น่าจะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการเติบโตของรายได้ จะทำให้กำไรสุทธิเติบโตได้มากกว่าพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัว คาดว่ากำไรเติบโตระดับ 13% ในปีหน้า ซึ่งจะผลักดันให้อัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) เพิ่มสูงขึ้นเป็น 18.9%
นอกจากนี้ THANI มีศักยภาพการเติบโตอีกมากทั้งจากตลาดรวมที่เติบโต สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้น และการเป็น บริษัทย่อยของธนาคารธนชาต ซึ่งให้การสนับสนุนทั้งการขยายธุรกิจและการควบคุมความเสี่ยงปล่อยสินเชื่อ นอกจากนี้ THANI ยังจ่ายเงินปันผลครั้งเดียวต่อปี ด้วยอัตราที่ดี 4.1% และเพิ่มเป็น 4.7% ในปีหน้า