บลจ.วรรณ ลุ้น"ฮิลลารี"นั่งตำแหน่งปธน.สหรัฐฯ เชื่อมั่น SET สัปดาห์นี้ไปต่อตามหุ้นโลก ให้กรอบ 1,475-1,520 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 8, 2016 16:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงนี้จะมีต่อตลาดเงินและตลาดทุนโลกรวมทั้งไทย โดยหากนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคพรรคเดโมแครต ได้รับชัยชนะตามที่คาด ก็จะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับเชิงบวก ซึ่งรวมถึงหุ้นไทยด้วย โดยมุมมองตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ระยะสั้นผันผวน แต่ยังคงมุมมองเชิงบวกจากปัจจัยภายในประเทศและราคาน้ำมันดิบ มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,475-1,520 จุด

สำหรับการวิเคราะห์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯนั้น แบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น 3 ตลาด ได้แก่ ตลาดหุ้น หากนางฮิลลารี ได้รับเลือกตั้ง คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะตอบสนองเชิงบวกตามตลาดหุ้นโลก ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ไทยแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มขึ้นจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และเม็ดเงินลงทุนบางส่วนที่จะไหลกลับไปที่สหรัฐฯ ในส่วนของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนไทยคาดว่า ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงและเป็นผลดีต่อการส่งออกของไทย

ในทางกลับกัน หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันได้รับการเลือกตั้ง ภาพการลงทุนตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนตามตลาดโลก โดยตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีความผันผวนจากนโยบายเศรษฐกิจ และการเมืองระหว่างประเทศที่แข็งกร้าวขึ้น ซึ่งคาดว่าตลาดตราสารหนี้ไทย ทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีโอกาสปรับตัวลดลงช่วงแรกจาก Risk-off mode และความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ อาจมีการเปลี่ยนประธานเฟด ซึ่งจะส่งผลให้การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อาจจะต้องชะลอออกไป และทำให้ตลาดมีความผันผวน ด้านตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ทิศทางค่าเงินบาทมีโอกาสผันผวนตามสกุลเงินดอลลาร์ฯ

ส่วนตลาดหุ้นไทยช่วงต้นสัปดาห์มีโอกาสผันผวน เพื่อรอความชัดเจนจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ซึ่งจะทราบผลจาก Exit Poll ช่วงเช้าในวันที่ 9 พ.ย. 59 ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่าหากนางฮิลลารี ได้รับการเลือกตั้งดังกล่าวจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลกมากกว่า เนื่องจากนโยบายของนางฮิลลารี สนับสนุนต่อเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศมากกว่าเมื่อเทียบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งหากนางฮิลลารี ได้รับการเลือกตั้งแล้วนั้น คาดว่าจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลกและส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวบวกขึ้นในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์

"ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ยังมีปัจจัยบวกภายในที่สนับสนุนการปรับขึ้นของดัชนี ได้แก่ การประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3/59 ที่จะทยอยออกมาโดยเฉพาะในส่วนภาคการผลิตซึ่งคาดว่าดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ความคืบหน้าของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เนื่องจากช่วงนี้มีการยื่นซองประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-สายสีชมพู และราคาน้ำมันที่มีโอกาสปรับตัวลดลงจำกัดมากขึ้น หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา และนักลงทุนส่วนหนึ่งเก็งผลประชุมโอเปกในวันที่ 30 พ.ย. 59"นายมณฑล กล่าว

นายมณฑล ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,475-1,520 จุด สำหรับคำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้ หากตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมถึงไทยมีการย่อตัวลงจากความกังวลของผลการเลือกตั้งดังกล่าว หรือเกิดแรงขายจากการ Sell on fact บางส่วน หลังตลาดรับรู้ผลการเลือกตั้ง มองว่าเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะสามารถทยอยซื้อสะสม โดยนักลงทุนระยะกลางถึงยาว แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นไทย เนื่องจากยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย

ในส่วนของตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมองเป็นโอกาสการลงทุนเช่นกัน โดยเศรษฐกิจสหรัฐยังมีโอกาสเติบโตได้ในระยะถัดไป จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตต่อเนื่องและนักลงทุนได้รับรู้เรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ ของธนาคารกลางสหรัฐในเดือนธ.ค. 59 จำนวน 1 ครั้ง และในปี 60 อีก 2 ครั้ง ไปค่อนข้างมากแล้ว

นอกจากนี้ เม็ดเงินลงทุนที่จะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากวิเคราะห์จากข้อมูลในอดีตของ Schroders ที่ได้ทำการบันทึกข้อมูลผลตอบแทนของตลาดหุ้น S&P500 พบว่า เมื่อตลาดหุ้นเกิดการ Panic sell ลงมาจะทำให้นักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นช่วงนั้นได้รับผลตอบแทน Total Return ประมาณ 15%-20% ในช่วง 1 ปีถัดไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ