BCP เผยกำไรสุทธิ Q3/59 โต 173% จากงวดปีก่อน กำไรจากสต็อกหนุนค่าการกลั่นรวมเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 9, 2016 15:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/59 ที่ระดับ 1,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 173% จากกำไรสุทธิ 432 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 51% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 2,798 ล้านบาท ลดลง 32% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในไตรมาสนี้ โรงกลั่นบางจากสามารถกลั่นได้ในระดับที่สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เฉลี่ยในระดับ 116,000 บาร์เรล/วัน คิดเป็น96% ของอัตราการผลิตรวมของโรงกลั่น มีค่าการกลั่นพื้นฐาน 5.62 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน-ดูไบที่ปรับลดลงมากจากภาวะอุปทานน้ำมันเบนซินในภูมิภาคล้นตลาด

ประกอบกับ สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลง โดยราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ 43.19 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลงจากในไตรมาสที่ 2 ที่อยู่ในระดับ 43.23 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ทำให้ธุรกิจโรงกลั่นมี EBITDA จำนวน 1,503 ล้านบาท ลดลง 41% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 97% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังในไตรมาส 3/59 มีกำไรจากสต็อก (Inventory Gain) จำนวน 120 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมี Inventory Loss สูงถึง 1,415 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/59 บริษัทมีค่าการกลั่น (GRM) ที่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมัน อยู่ที่ 5.97 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 4.07 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงจากระดับ 8.79 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ในไตรมาสก่อน

ด้านธุรกิจการตลาด มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวม 1,382 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งตลาดค้าปลีกและตลาดอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาขายปลีกน้ำมันที่ปรับลดลง อย่างไรก็ตาม ปริมาณจำหน่ายน้ำมันปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝนที่เป็น Low Season ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันโดยรวมในประเทศปรับลดลงโดยเฉพาะในภาคการเกษตร

ทั้งนี้ BCP ยังคงขยายการลงทุนขยายสถานีบริการพร้อมปรับปรุงภาพลักษณ์ของสถานีบริการน้ำมันที่มีอยู่เดิมให้ทันสมัยมากขึ้น โดยปัจจุบันมีจำนวนสถานีบริการน้ำมันรวม 1,065 แห่ง และยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 มีค่าการตลาดรวมอยู่ที่ 0.80 บาท/ลิตร และมี EBITDA รวม 607 ล้านบาท ลดลง 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ บริหารโดยบมจ.บีซีพีจี (BCPG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีรายได้เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าในประเทศลดลงจากปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น แต่สำหรับในประเทศญี่ปุ่นนั้นกลับมีปริมาณจำหน่ายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 135% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 1 โครงการ และค่าความเข้มแสงที่สูงขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน ทำให้มี EBITDA รวม 612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

ส่วนธุรกิจไบโอดีเซล มีอัตราการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 452,000 ลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากการเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ของโรงงานแห่งที่ 2 สำหรับธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม มีปริมาณการจำหน่ายรวม 189,878 บาร์เรล มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 116% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากในไตรมาสนี้รับรู้รายได้จากการขายน้ำมันดิบจำนวน 2 Cargo และมี EBITDA รวม 171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 191% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

ในส่วนของการจัดตั้งโรงงานผลิตเอทานอล ขนาด 150,000 ลิตร/วัน ของบริษัท บางจาก ไบโอเอทานอล (ฉะเชิงเทรา) จำกัด ได้เริ่มเปิดดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ และเริ่มจำหน่ายเอทานอลในเดือนต.ค.59 จึงยังไม่มีการรับรู้รายได้จากการขายในไตรมาสนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ