นางสมหะทัย พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อมตะวีเอ็น (AMATAV) คาดว่ายอดขายที่ดินในปีนี้จะทำได้เพียง 12.5 เฮกตาร์ ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 25 เฮกตาร์ หลังจากช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ขายได้เพียง 5.7 เฮกตาร์เท่านั้น เป็นผลมาจากปัญหาการเวนคืนที่ดินในจุดเชื่อมระหว่างเฟสเดิมและเฟสใหม่ของโครงการของนิคมอุตสาหกรรมเบียนหัวเกิดความล่าช้า ทำให้การขายที่ดินชะงัก
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ส่วนกลางท้องถิ่นได้เข้ามาดูและเร่งแก้ปัญหา ซึ่งลริษัทคาดว่าการเวนคืนที่ดินจะแล้วเสร็จช่วงกลางปี 60 ขณะที่มีที่ดินที่อยู่ระหว่างรอการโอนอีก 8.8 เฮกตาร์ในปีนี้ แต่มีโอกาสที่ที่ดินพื้นที่ 2 เฮกตาร์ ยังติดปัญหาอยู่ ทำให้อาจจะเกิดความล่าช้าในการโอนได้
สำหรับปี 60 บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินไว้ที่ 20 เฮกตาร์ในนิคมอุตสาหกรรมเบียนหัว หลังจากที่ได้เลื่อนการขายเฟสใหม่จากปีนี้ออกไป โดยบริษัทคาดว่าจะเริ่มลงทุนสาธารณูปโภคอย่างสมบูรณ์แบบในช่วงกลางปี 60 เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำการผลิตได้ช่วงไตรมาส 4/60
นางสมหะทัย กล่าวอีกว่า ในปีหน้าบริษัทตั้งงบลงทุนที่ระดับ 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยใช้ลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมเวียดนามทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมเบียนหัว 600 ล้านเหรียญสหรัฐ, โครงการอมตะซิตี้ลองถั่น ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรม 900 ล้านเหรียญสหรัฐ , โครงการอมตะ ทาวน์ ชิพ ลองถั่น 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงลงทุนในโครงการอื่น ๆ 300-400 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนที่ใช้จะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท และเงินกุ้สถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีความสามารถในการกู้อยู่สูง เพราะอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ในระดับต่ำเพียง 0.6 เท่า โดยมีนโยบายรักษา D/E ให้ไม่เกิน 1 เท่า
ด้านความคืบหน้าการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมลองถั่น ขณะนี้ได้พื้นที่ในเฟส 1 มาแล้ว และอยู่ระหว่างการเวนคืนที่ดินในเฟส 2 และเฟส 3 โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงกลางปี 60 และจะใช้เวลาเข้าไปก่อสร้างพัฒนาพื้นที่เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งประเมินว่าลูกค้าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในไตรมาส 4/60
ส่วนโครงการอมตะซิตี้ ฮาลอง มูลค่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ พื้นที่ 36,000 ไร่นั้น อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตการลงทุนจากภาครัฐ คาดว่ากลางปีนี้จะแล้วเสร็จ โดยจะเริ่มลงทุนเฟสแรก 700 ล้านเหรียญสหรัฐ พื้นที่ 4,500 ไร่ โดยการลงทุนในโครงการนี้มองว่าฮาลองเป็นจังหวัดที่ศักยภาพสูง เพราะมีชายแดนติดกับประเทศจีน
นางสมหะทัย กล่าวอีกว่า บริษัทจะยังไม่ปรับขึ้นราคาขายที่ดินในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากอยู่ในช่วงเวนคืนที่ดิน และการปรับขึ้นราคาต้องคำนึงถึงอุปสงค์และอุปทาน รวมถึงทำเลและคุณภาพของที่ดินด้วย