โบรกฯแนะ"ซื้อ" PTTGC มองกำไร Q4/59 เติบโตจากไตรมาสก่อนรับช่วงไฮซีซั่น,อัตราการใช้กำลังผลิตเพิ่มหนุนกำไรปี 60

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 16, 2016 14:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) หลังมองกำไรไตรมาส 4/59 จะเติบโตจากไตรมาสก่อนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นช่วยหนุนราคาผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังเป็นช่วงไฮซีซั่นของความต้องการใช้น้ำมันและเม็ดพลาสติก ส่วนแนวโน้มในปี 60 ยังคงคาดการณ์กำไรจะเติบโตได้จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น แม้ยังมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันดิบที่อาจจะไม่ได้ปรับขึ้นมากนัก ขณะที่จะยังได้รับประโยชน์จากโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจภายใต้ชื่อ Project MAX ซึ่งคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่ม EBIT ได้ปีละ 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปีภายในปี 62

ด้านราคาหุ้น PTTGC ในปัจจุบันยังให้อัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจอยู่ที่ 5.1-5.4% ต่อปี ประกอบกับ Valuation ที่ถูกด้วยค่า PBV ปี 60 ที่ต่ำ นอกจากนี้การที่ PTTGC ได้ชะลอแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในต่างประเทศน่าจะทำให้นักลงทุนกลับมาให้ความสนใจต่อหุ้นมากขึ้น หลังจากที่การประกาศโครงการลงทุนก่อนหน้านี้ได้เคยสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน

ราคาหุ้น PTTGC พักเที่ยงอยู่ที่ 60.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท (+2.10%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 0.54%

          โบรกเกอร์                คำแนะนำ               ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          โกลเบล็ก                    ซื้อ                        71
          บัวหลวง                     ซื้อ                        72
          เอเชีย เวลท์                 ซื้อ                        72
          หยวนต้าฯ                    ซื้อ                        72
          ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ             ซื้อ                        70
          คันทรี่ กรุ๊ป                   ซื้อ                        70
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์             ซื้อ                        76
          แอพเพิล เวลธ์                ซื้อ                        70

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มกำไรสุทธิของ PTTGC ในไตรมาส 4/59 จะเติบโตจากไตรมาสก่อน เป็นผลจากมาร์จิ้นของโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่ฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ อีกทั้งโรงงานโอเลฟินส์ได้กลับมาเดินเครื่องผลิตเต็มกำลังก็จะเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการ ทำให้ทั้งยังคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 59 ที่ระดับ 2.34 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปีที่แล้ว

"เรายังมอง positive กับ PTTGC view business ในไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจทั้งราคาน้ำมันและราคาเม็ดพลาสติก ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท แม้สเปรดของพาราไซลีน อาจจะยังลดลงอยู่บ้าง แต่การที่ contribute to EBITDA ไม่มากแค่ 12-13% ไม่น่าจะกระทบอะไร และเรื่องของผลกระทบจากสต็อกน้ำมันที่ราคาน้ำมันในปัจจุบันต่ำกว่าสิ้นไตรมาส 3 ราว 2-3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ภาพรวมยังมองว่าน่าจะดีกว่าไตรมาส 3 ทำให้ทั้งปีกำไรยัง meet target"นายเบญจพล กล่าว

นายเบญจพล ยังคาดว่ากำไรสุทธิของ PTTGC ในปี 60 จะยังเติบโตราว 12% มาที่ 2.62 หมื่นล้านบาท จากการใช้อัตรากำลังการผลิตที่มากกว่าปีนี้ ที่หยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมัน และโรงโอเลฟินส์ค่อนข้างมาก ส่วนค่าการกลั่น (GRM) และส่วนต่าง (สเปรด) ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (PE) เพิ่มขึ้นแต่ไม่มากนัก ขณะที่มองเป้าหมายราคาน้ำมันดิบ ดูไบ ในปีหน้าอยู่ที่ราว 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นไม่มากจากปีนี้ โดยยังมีความไม่ชัดเจนต่อการจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)

นอกจากนี้การที่ PTTGC ชะลอแผนลงทุนขนาดใหญ่ในต่างประเทศ น่าจะทำให้นักลงทุนกลับมาให้ความสนใจหุ้นมากขึ้น หลังจากที่การประกาศโครงการขนาดใหญ่ในต่างประเทศก่อนหน้านี้ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่าจะมีความเสี่ยงมากขึ้นหรือไม่

อนึ่ง เมื่อวานนี้ PTTGC ระบุว่าบริษัทอาจต้องเลื่อนการตัดสินใจลงทุนในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ในสหรัฐ มูลค่าเบื้องต้น 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐออกไปจากเดิมที่จะสรุปแผนลงทุนในช่วงไตรมาส 1/60 เพื่อรอดูนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐที่จะเข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค.60 เนื่องจากยังมีความกังวลต่อนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศของสหรัฐที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุนและการดำเนินงานของบริษัทในสหรัฐได้

บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่ากำไรสุทธิของ PTTGC แข็งแกร่งมากขึ้นในไตรมาส 4/59 ที่จะเป็นระดับสูงสุดของปีนี้ หนุนจากทุกหน่วยธุรกิจหลัก โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นที่คาดว่าค่าการกลั่นกำลังพุ่งสูงขึ้นในภูมิภาคเพื่อรับฤดูหนาวที่คาดว่าจะหนาวเย็นกว่าปกติ ประกอบกับการดำเนินการผลิตอย่างเต็มกำลัง

ด้านการผลิตของโรงงานโอเลฟินส์ที่จะเพิ่มขึ้นจนเต็มกำลังการผลิต ขณะที่สเปรด PE จะค่อย ๆ ปรับตัวขึ้นด้วยแรงหนุนจากความต้องการพื้นฐานในภูมิภาค ความต้องการอันแข็งแกร่งยังคงถูกสะท้อนจากส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์โพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE)-แนฟทาที่ทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง ส่วนอุตสาหกรรมอะโรเมติกส์ทั่วโลกได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วและน่าจะกระเตื้องขึ้นหลังจากภาวะอุปทานล้นตลาดลดลง

ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้ PTTGC จะมีกำไรปกติเพิ่มขึ้น 6% จากปีที่แล้วก่อนจะฟื้นตัวเต็มที่ในปี 60 โดยมีอัตราการเติบโต 17% จากปีนี้ ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนหลักจากวงจรขาขึ้นของโอเลฟินส์

ขณะที่ราคาหุ้น PTTGC ในปัจจุบันยังให้อัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจอยู่ที่ 5.1-5.4% ต่อปี ประกอบกับ Valuation ที่ถูกด้วยค่า PBV ปี 60 ที่ต่ำเพียง 1.0 เท่า เมื่อเทียบกับในอดีต

ด้านบทวิเคราะห์บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 คาดว่าจะบวกขึ้นเมื่อเทียบต่อไตรมาส โดยคาดว่าการผลิตในทุกธุรกิจจะเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่สะดุดตัวเหมือนที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกปีนี้ และค่าการกลั่น น่าจะดีขึ้นในช่วงฤดูหนาวที่มีอุปสงค์น้ำมันสูงขึ้น และทำให้สเปรดของ PE แข็งแกร่งด้วย แต่ความเสี่ยงคือการอ่อนลงของราคาอะโรเมติกส์ที่เกิดจากอุปทานใหม่ที่เข้ามาในภูมิภาค

บทวิเคราะห์บล.โกลเบล็ก ระบุด้วยว่า PTTGC เปิดตัวโครงการ Better to the MAX ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง PTTGC และบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำในการพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานทั้งด้านการผลิต การจัดหาวัตถุดิบ และพัฒนาระบบการทำงานของ PTTGC ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มรายได้ โดยโครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินงานตั้งแต่กลางปี 59 จนถึงปี 62 โดย PTTGC คาดหวังว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBIT) ได้ปีละ 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 62


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ