CMO คว้างานนิทรรศการ"เย็นศิระเพราะพระบริบาล"ส่งท้ายปี,มองงานอีเว้นท์ปี 60 แข่งขันสูง-ลุยธุรกิจสร้างแหล่งท่องเที่ยว

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 26, 2016 13:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีเอ็มโอ (CMO) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้รับมอบหมายจากรัฐบาล โดยสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) จ้างให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างอาคารพร้อมจัดแสดงนิทรรศการ “เย็นศิระเพราะพระบริบาล” ที่ท้องสนามหลวง บนพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) โดยนิทรรศการจัดขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวไทย และเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอย่างหาที่สุดมิได้ โดยพร้อมจะเปิดให้เข้าชมได้ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2559

โดยภาพรวมธุรกิจอีเว้นท์ รวมถึงงานประเภทการจัดประชุมสัมมนา และงานเอ็กซ์โปต่าง ๆ เริ่มกระเตื้องขึ้น และคาดว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้ในช่วงต้นปี 2560 ซึ่งเห็นได้จากที่ภาครัฐออกมาตราการ “ช็อปช่วยชาติ” ที่สามารถนำรายจ่ายมาลดหย่อนภาษีได้นั้น ก็เป็นการกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ส่งผลให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนในแต่ละค่ายต่างออกแคมเปญ และเริ่มจัดกิจกรรมเพิ่มมากขึ้นด้วย ในส่วนของบริษัทฯก็ได้ปรับแผน เพื่อฟื้นฟูธุรกิจ โดยเร่งดำเนินงานของลูกค้าเดิมที่ได้รับงานแล้ว บวกกับเดินหน้าหาลูกค้าใหม่

สำหรับทิศทางธุรกิจอีเว้นท์ปี 2560 มีแนวโน้มเติบโตไปในทางที่ดี โดยเชื่อว่าผู้ประกอบการภาคเอกชน จะเริ่มกลับมาจัดกิจกรรมการตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยเฉพาะในกลุ่มงาน Entertainment เช่น งานคอนเสิร์ต และโชว์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นงานที่ไม่ได้ยกเลิก แต่จะเลื่อนไปจัดในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.ปี 60 แทน

นอกจากนี้ ทิศทางการเติบโตของธุรกิจอีเว้นท์ไทย จะเข้าไปมีบทบาทมากขึ้น ในตลาด CLMV ทั้งกัมพูชา,ลาว,เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งจะรุกตลาดไปพร้อมกับแบรนด์ของไทยที่มีแผนจะขยายงานในต่างประเทศ ทำให้ต้องมีการจัดกิจกรรมการตลาด ส่งผลให้ภาพรวมอีเว้นท์เติบโตไปด้วย

"ในปี 60 ผู้ประกอบการธุรกิจอีเว้นท์ จะต้องพบปัญหาการแข่งขันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งการแข่งขันกับบริษัทอีเว้นท์ภายในประเทศ และกับบริษัทอีเว้นท์ต่างชาติ เช่น ประเทศสิงค์โปร์ เป็นต้น ที่จะเข้ามาแข่งขันในประเทศไทย ดังนั้น ในส่วนของแนวทางการปรับตัว บริษัทอีเว้นท์ไทยจะต้องเน้นเรื่องของคุณภาพ และการให้บริการที่ดีเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการจัดการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพด้วย"นายเสริมคุณ กล่าว

นายเสริมคุณ กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังมีงานพัฒนาธุรกิจสร้างแหล่งท่องเที่ยว (Tourist Attraction) ที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยเตรียมเปิดตัวโชว์ “หิมพานต์ อวตาร" อย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2560 ซึ่งเป็นโชว์การแสดงศิลปะวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ผสานเทคโนโลยีในรูปแบบ 4 มิติ ที่สำคัญยังนำเสนอปรากฏการณ์ใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า The Spectacular Walk Through 4D Experience ครั้งแรกของไทยและอาเซียนตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้าโชว์ ดีซี (Show DC) ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะทำรายได้ 200 ล้านบาทต่อปี

ขณะเดียวกันในส่วนของธุรกิจสวนสนุก “อิเมจิเนีย เพลย์แลนด์" (Imaginia Playland) บริษัทได้ขยายงานไปยังต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยได้ทำสัญญาสร้าง Imaginia Zone ให้กับ Little Prince Kids Theme Park สวนสนุกในเมืองต้าเหลียน ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพและการเติบโตสูง โดยที่ Imaginia Zone จะเป็นห้องหนึ่ง ขนาดพื้นที่ 220 ตร.ม. อยู่ในสวนสนุก Little Prince Kids Theme Park ที่มีรูปแบบการดีไซน์เครื่องเล่น และเทคนิคที่ใช้งานเหมือนกับสวนสนุก Imaginia ประเทศไทยทุกประการ นับเป็นก้าวสำคัญของอิเมจิเนีย ในการขยายงานไปยังต่างประเทศ โดยบริษัทฯ จะนำแนวคิดในลักษณะนี้ ขยายไปยังประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่องภายใน 5 ปี ข้างหน้า อีกด้วย

ทั้งนี้ ผลประกอบการ 9 เดือน (มกราคม-กันยายน 59) บริษัทฯ มีรายได้รวม 800 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาสสุดท้ายของปี ก็มียอดขายที่น่าพอใจโดยพยายามจะรักษาเป้าปีนี้ให้ใกล้เคียงกับที่ตั้งไว้ 1,400 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ