(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามภูมิภาค หลังขาดปัจจัยหนุน-คาด Fund Flow จะไหลออก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 13, 2017 09:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้ เนื่องจากตลาดฯขาดปัจจัยขับเคลื่อน และในช่วงที่ผ่านมา Fund Flow ก็เข้ามามากแล้ว ขณะเดียวกับมองว่าสัปดาห์หน้าอาจได้เห็นการกลับขาของเงินบาท โดยเงินบาทมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงได้ ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯก็อาจได้แรงซื้อกลับทำให้แข็งค่าขึ้น ซึ่งก็เป็นการกระตุ้นให้เกิด Fund Flow ไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบเล็กน้อย โดยยังแนะนำหุ้นที่ยังถูกอยู่อย่างหุ้น SCB และหุ้นที่เป็น Global plays อย่างหุ้น PTTEP และหุ้น BANPU

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,560-1,572 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 ม.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,891.00 จุด ลดลง 63.28 จุด (-0.32%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,547.49 จุด ลดลง 16.16 จุด (-0.29%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,270.44 จุด ลดลง 4.88 จุด (-0.21%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 40.27 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 3.21 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 50.55 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 36.48 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 10.02 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.06 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.08 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ม.ค.60) 1,568.84 จุด ลดลง 4.09 จุด (-0.26%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 362.23 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ม.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 ม.ค.60) ปิดที่ 53.01 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 1.5%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ม.ค.60) ที่ 7.27 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.36/42 อ่อนค่าตามภูมิภาค มองกรอบเคลื่อนไหววันนี้ 35.30-35.45
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเสียหายของสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ โดยมูลค่าทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบประมาณ 2.23 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ความเสียหายจากภาคเกษตร 8,100 ล้านบาท ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม 1.08 หมื่นล้านบาท และโครงสร้างพื้นฐาน (ถนน ทางรถไฟ สะพานและบ้านเรือน) 3,405 ล้านบาท ทำให้จีดีพีภาคใต้ลดลง 1.2% จากเดิมที่คาดว่าปีนี้จีดีพีภาคใต้จะขยายตัว 3.2% และส่งผลให้จีดีพีของประเทศลดลง 0.1%
  • รมว.คลัง เผยหากคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่ากรมศุลกากรต้องเก็บภาษีน้ำมันของบริษัท เชฟรอน ประเทศไทย ที่นำไปใช้บนแท่นขุดเจาะน้ำมันทางทะเล ก็เป็นเรื่องที่กรมศุลกากรต้องดำเนินการ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะทำให้เกิดความชัดเจน ไม่ต้องโต้เถียงกันต่อไปอีกว่า ต้องเก็บภาษีหรือไม่ต้องเก็บภาษีเหมือนที่ผ่านมา
  • ก.ล.ต.เรียกบริษัท หลักทรัพย์จัดการลงทุนหารือด่วน วางมาตรการรับมือผลกระทบตั๋ว B/E ที่มีปัญหาไถ่ถอน ขีดวงความเสียหายกองทุนตราสารหนี้เทอมฟันด์ กำหนดผู้ถือหุ้นหน่วยลงทุนวันที่ตั๋วแลกเงินถูกปฎิเสธชำระหนี้แบกรับขาดทุน
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 17-20 มกราคมนี้ จะร่วมประชุมในเวที World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2560 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีทั้งผู้นำประเทศ ผู้นำรัฐบาล ผู้นำเอกชน ผู้บุกเบิกทางเทคโนโลยี ผู้ประกอบการเพื่อสังคม ผู้นำทางความคิด และนักธุรกิจรุ่นใหม่ รวมกว่า 2,500 คน จากกว่า 100 ประเทศ โดยจะใช้เวทีนี้สร้างความเชื่อมั่นและแสดงศักยภาพของประเทศไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีระดับโลก
  • "สมคิด" ตีปี๊บกรอบงบรายจ่ายปี 61 พุ่งแตะ 2.9 ล้านล้านบาท ขาดดุลทะยาน 4.5 แสนล้านบาท บัญชีกลางปลื้มส่วนราชการรัฐวิสาหกิจตะลุยเบิกจ่ายงบ 8.76 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 2.06%

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SCC (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 560 บาท คาดจะมีกำไรสุทธิใน 4Q59 อยู่ที่ 8,954 ล้านบาท (-36% QoQ, -22% YoY) ชะลอตัวลงเนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงปิโตรเคมี ROC เป็นเวลา 40 วัน, คาดจะรับรู้ผลขาดทุนสินค้าคงคลังจากราคา Ethylene ที่ปรับตัวลดลงราว 7% QoQ, แนวโน้มความต้องการปูนซีเมนต์ยังอ่อนแอ และความต้องการในธุรกิจกระดาษช่วงเทศกาลปีใหม่ชะลอตัวลง เนื่องด้วยสถานการณ์ภายในประเทศ แต่ด้วยผลการดำเนินงานที่โดดเด่นช่วง 9 เดือนแรกของปี จึงคาดปี 59 บริษัทจะมีกำไรสุทธิรวมที่ 52,141 ล้านบาท (+15% YoY) ด้วยแนวโน้มธุรกิจปิโตรทีแข็งแกร่งต่อเนื่องอีก 3-5 ปี (2560-2563) ในขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์ที่เคยถูกกดดันจากการลงทุนภาคเอกชน และภาครัฐที่ยังชะลอตัวนั้น คาดจะเห็นการเติบโตชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จากงานโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลายโครงการที่มีกำหนดการก่อสร้างตั้งแต่ปี 60
  • PTT (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 430 บาท แนวโน้มกำไรดีต่อเนื่องในอีก 4-5 ไตรมาสข้างหน้า ตามผลต้นทุนก๊าซที่จะทรงตัวในระดับต่ำและการลอยตัว NGV ที่ทำให้โครงสร้างกำไรธุรกิจก๊าซดีขึ้น และเตรียมนำธุรกิจค้าปลีกเข้าตลาด ลดสัดส่วนถือต่ำกว่า 50% มองยังใช้เวลาระยะ รวมทั้งเป็นตัวแทนหุ้นพลังงานพื้นฐานแกร่ง อีกหนึ่งผู้ได้รับ sentiment ราคาน้ำมัน
  • BDMS (ยูโอบี เคย์เฮียน) หุ้นขนาดใหญ่ที่ยังคง Laggard โดยปรับขึ้นเพียง 5.5% เทียบกับ SET ที่ 19.3% ทำให้ม๊โอกาสเป็น Window dressing target ขณะที่โมเมนตัมของกำไรยังเป็นบวก และคาดกำไรปี 2560 ยังคงเติบโต 11.2%
  • HMPRO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 12 บาท ราคาหุ้น laggard ที่สุดในกลุ่มค้าปลีกในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ทั้งที่กำไร 4Q59 มีแนวโน้มจะทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.34 พันล้านบาท +41% Q-Q, +17% Y-Y จากแรงหนุนของมาตรการช้อปช่วยชาติ สาขาใหม่ที่เปิด 5 แห่ง และความสำเร็จของงาน Expo โดยคาดกำไรปี 2559-2560 +19% และ +13% ตามลำดับ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ