(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐานตามตลาดเอเชีย รอดูนโยบาย"ทรัมป์"หลังจะรับตำแหน่งปธน.สหรัฐฯสัปดาห์นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 16, 2017 09:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐานตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับฐานกัน เนื่องจากมีความกังวลการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯคนใหม่ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันศุกร์นี้ และจะมีการแถลงนโบาย ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะออกมาในทิศทางไหน แล้วคงจะมีการประเมินกันอีกที ส่วนปัจจัยอื่นก็ดูจะนิ่ง ๆ

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยก็ได้ปรับตัวขึ้นไป 2% นับจากต้นปีแล้ว โดยมองว่าแรงขายที่ออกมาก็น่าจะเป็นหุ้นที่มีการเล่นเก็งกำไรไปก่อนหน้านี้แล้ว และมีการปรับตัวได้ดีในช่วงที่ผ่านมา โดยมองหุ้นในกลุ่มพลังงาน, ธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ที่อาจจะถูกขายออกมาก่อ่น แล้วนำเงินไปพักไว้ที่หุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่ปรับตัวช้ากว่าตลาดในช่วงที่ผ่านมา และยังเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยด้วย อย่างหุ้น BJC, CPALL เป็นต้น

พร้อมให้แนวรับ 1,565 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ม.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,885.73 จุด ลดลง 5.27 จุด (-0.03%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,574.12 จุด เพิ่มขึ้น 26.63 จุด (+0.48%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,274.64 จุด เพิ่มขึ้น 4.20 จุด (+0.18%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 8.27 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 42.02 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ ลดลง 22.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 0.46 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.48 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 68.15 จุด,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.24 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ม.ค.60) 1,575.24 จุด เพิ่มขึ้น 6.40 จุด (+0.41%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 979.45 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ม.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ม.ค.60) ปิดที่ 52.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 64 เซนต์ หรือ 1.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ม.ค.60) ที่ 7.66 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.45 มองกรอบวันนี้ 35.40-35.50 กังวล Brexit กระทบศก.รุนแรงกว่าคาด
  • ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่ 27 ม.ค.-2 ก.พ.นี้ คาดว่าจะมีนักท่องต่างชาติเดินทางมาเที่ยวเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในประเทศไทยประมาณ 8.25 แสนคน เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อนที่มีจำนวน 7.94 แสนคน สร้างรายได้ 1.91 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา 1.7 หมื่นล้านบาท
  • อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า หลังจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้นโยบายกรมเพื่อหาทางเก็บภาษีให้ได้มากขึ้น กรมก็จะดำเนินการทบทวนการเก็บภาษีตัวใหม่ที่ส่งผลกระทบกับสุขภาพและส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมประมาณ 3-4 สินค้าที่เคยศึกษาไว้แล้วที่ผ่านมา มาพิจารณารายละเอียดใหม่ให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน และส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณาและเสนอฝ่ายนโยบายเห็นชอบต่อไป
  • แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการเปิดให้บริการผ่านโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อ ผู้ประกอบอาชีพ (นาโนไฟแนนซ์) ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทยอยพิจารณาออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการ ที่สนใจยื่นขออนุญาตไปแล้วรวม 29 ราย โดยในจำนวนนี้มีผู้ประกอบการที่เปิดให้บริการแล้ว 21 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ 6 ราย และมีผู้ประกอบการที่ขอคืนใบอนุญาตแล้ว 2 ราย
  • คลังเตรียมเปิดตัวครั้งใหญ่ "โครงการแก้หนี้นอกระบบ" เคาะ 6 ก.พ.นี้ เชิญ "ประยุทธ์" ตัดริบบิ้นเปิดงาน เผยกฎหมายห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา มีผลบังคับใช้แล้ว พร้อมไฟเขียวตั้งนาโนไฟแนนซ์ 21 ราย

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SCC (ไอร่า) เป้า 648.00 บาท คาดทั้งปี 59 กำไรสุทธิ 54,617 ล้านบาท +20% ภายใต้ผลการดำเนินงาน 1H/59 ที่เติบโตโดดเด่น โดยเฉพาะจากธุรกิจปิโตรเคมี และคาดยังอยู่ในระดับดีใน 2H/59 (แม้ชะลอตัวจาก 1H/59) จากความต้องการที่ดี โดยยังไม่มี Supply ใหม่เข้ามาในตลาด รวมถึงราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มตามราคาน้ำมันดิบ พร้อมคาดปี 60 กำไรสุทธิทำ New High ต่อเนื่อง จากธุรกิจปิโตรเคมี และคาดส่วนต่างผลิตภัณฑ์ยังสามารถทรงตัวได้ในระดับที่ดี จากวัฏจักรรอบนี้ที่คาดเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ปี เป็น 4-5 ปี, ธุรกิจซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง คาดความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศ เพิ่มขึ้น 3-5% จากปี 59 ที่คาดทรงตัวที่ประมาณ 40 ล้านตัน จาดการลงทุนภาครัฐ ที่คาดช่วยกระตุ้นความต้องการในกลุ่ม Commercial และ Residential ให้กลับมา ขณะที่ SCC มีการขยายไปในกลุ่ม ASEAN และคาดในปี 60 รับรู้กำลังการผลิตปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้น
  • TISCO (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 70 บาท ยังเชื่อมั่นว่าปี 60 การเติบโตของสินเชื่อและกำไรของ TISCO จะโดดเด่นจากการรวมพอร์ตลูกค้ารายย่อยของ Standard Chartered เข้ามา ขณะที่สำรองส่วนเกินที่แกร่งขึ้นมากจากการปรับชั้นหนี้ SSI นั้น คาดว่าจะทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญในระยะถัดไปลดลงเช่นกัน แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาสะท้อนข่าวดีไปบ้างแล้ว แต่ยังพอมี Upside
  • BTW (เคจีไอฯ) "เก็งกำไร"เป้า Consensus 4.25 บาท ประเมินราคาน้ำมันที่เริ่มฟื้นตัว คาดจะทำให้ลูกค้าฯ เริ่มกลับมาเริ่มต้นโครงการลงทุน (ราคาหุ้นยัง Laggard SRICHA, TRC, STPI), จากแผน PDP ของการไฟฟ้าฯ ประเมินงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เป็นบวกต่อปริมาณงานของ BTW (ลูกค้างานโรงไฟฟ้าหลักๆ คือ EGAT รวมถึงภาคเอกชน+โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน), จากข้อมูล Opportunity day วันที่ 14 พ.ย.59 บริษัทมีโอกาสส่งออกงานโครงสร้างเหล็กไปประเทศญี่ปุ่น (อยู่ระหว่างการขอมาตรฐาน JIS H-grade) รวมถึงคาดผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุดแล้ว โดยใน 4Q59 คาดจะรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานโครงการโซลาร์ฟาร์มมูลค่าราว 400 ล้านบาท (ราว 10MW) และประเมิน Backlog ณ สิ้นปี 2559 อยู่ที่ราว 1 พันล้านบาท
  • PDG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 5.30 บาท ผลประกอบการ 4Q59 มีโอกาสสร้าง All Time High ตามการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นเกือบแตะ 75% สูงสุดตั้งแต่ทำธุรกิจมา โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อขวดน้ำมันพืชของกลุ่ม TVO การได้ลูกค้ารายใหม่ และคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นของลูกค้ารายเดิม ขณะที่การบริหารต้นทุน PET ยังทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ราคาหุ้นปัจจุบันมี PE เพียง 12 เท่า โดยคาดว่าบริษัทจะจ่ายปันผลงวด 2H59 0.20 บาท/หุ้น คิดเป็น yield สูงถึง 4.6%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ