KKP เผยกำไรสุทธิปี 59 โต 67.2% จากปีก่อน ธุรกิจตลาดทุนหนุนแม้สินเชื่อหดตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 20, 2017 14:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) ชี้แจงผลการดำเนินงานปี 59 เปรียบเทียบกับปี 58 ว่า ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ ไม่รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ 5,547 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.2% เมื่อเทียบกับ ปี 58 โดยเป็นกำไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุน จำนวน 1,086 ล้านบาท หากพิจารณากำไรเบ็ดเสร็จรวมจะเท่ากับ 5,756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.6% เป็นกำไรเบ็ดเสร็จของธุรกิจตลาดทุนจำนวน 1,075 ล้านบาท โดยกำไรเบ็ดเสร็จรวมได้รวมผลจากการวัดมูลค่าหลักทรัพย์เผื่อขายอันเป็นผลจากความผันผวนของตลาดทุน

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 59 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) คำนวณตามเกณฑ์ Basel III ซึ่งรวมกำไรถึงสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 18.53% โดยเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 15.01% แต่หากรวมกำไรถึงสิ้นปี 59 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะเท่ากับ 20.40% และเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 16.87%

สำหรับธุรกิจธนาคารพาณิชย์ สินเชื่อของธนาคารในปี 59 หดตัวเล็กน้อยที่ 0.8% โดยการหดตัวชะลอลงเมื่อเทียบกับการหดตัวที่ 3.6% ในปี 58 และ 3.1% ในปี 57 ทั้งนี้สินเชื่อของธนาคารที่มีการขยายตัวค่อนข้างดีได้แก่ สินเชื่อ Lombard ขยายตัวที่ 208.2% สินเชื่อบุคคลขยายตัวที่ 105.0% สินเชื่อ Micro SMEs ซึ่งรวมสินเชื่อ KK SME รถคูณ 3 ขยายตัวที่ 90.7% และสินเชื่อเคหะขยายตัวที่ 289.5%

ในด้านคุณภาพของสินเชื่อ อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 59 อยู่ที่ 5.6% ปรับตัวดีขึ้นจาก 5.8% ณ สิ้นปี 58 โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพในส่วนของสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการปรับตัวดีขึ้นในระหว่างปี รวมถึงคุณภาพของสินเชื่อเช่าซื้อที่ยังคงมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพสำหรับสินเชื่อเช่าซื้อ ปรับลดลงจาก 2.4% ณ สิ้นปี 58 และมีการปรับลดลงต่อเนื่องตลอดปี 59 โดย ณ สิ้นปี 59 อยู่ที่ 1.9%

ธุรกิจตลาดทุน ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจนายหน้า ธุรกิจวานิชธนกิจ ธุรกิจการลงทุน และธุรกิจจัดการกองทุน ซึ่งธุรกิจนายหน้า (Brokerage Business) โดย บล.ภัทร ในปี 59 มีส่วนแบ่งตลาด 4.81% เป็นอันดับที่ 4 จากจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมด 36 แห่ง และมีรายได้ค่านายหน้า 1,610 ล้านบาท ธุรกิจวานิชธนกิจ (Investment Banking Business) มีรายได้รวมจำนวน 174 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ที่ปรึกษาทางการเงิน 102 ล้าน และรายได้การจัดจาหน่ายหลักทรัพย์ 72 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจการลงทุน (Investment Business) ปี 59 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมจากธุรกิจลงทุนจำนวน 1,149 ล้านบาท และ ธุรกิจจัดการกองทุน (Asset Management Business) โดย บลจ.ภัทร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 มีทรัพย์สินภายใต้การจัดการของกองทุนเป็นจำนวน 42,999 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ