(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ อิงแดนบวก ขานรับเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าหลังไม่แน่นอนนโยบาย"ทรัมป์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 23, 2017 09:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ อิงแดนบวก เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้กลับมาอ่อนค่าลง ภายหลังที่มีความไม่แน่นอนในเรื่องของนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายออกมา และยังมีการต่อต้านการขึ้นดำรงตำแหน่งของนายทรัมป์ด้วย ทำให้มีผลต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ก็มีเรื่องผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ออกมาดีกว่าคาด ทำให้อาจจะมีแรงซื้อนอกกลุ่มสถาบันการเงิน ซึ่งผลประกอบการของบริษัทนอกกลุ่มสถาบันการเงินจะทยอยประกาศออกมาในช่วงปลายสัปดาห์นี้

พร้อมให้แนวรับ 1,558-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ม.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,827.25 จุด เพิ่มขึ้น 94.85 จุด (+0.48%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,555.33 จุด เพิ่มขึ้น 15.25 จุด (+0.28%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,271.31 จุด เพิ่มขึ้น 7.62 จุด (+0.34%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 199.46 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.28 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 40.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 32.20 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.01 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 0.22 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.03 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ม.ค.60) 1,562.99 จุด เพิ่มขึ้น 8.11 จุด (+0.52%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,749.16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ม.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ม.ค.60) ปิดที่ 52.42 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ม.ค.60) ที่ 6.61 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.30 แนวโน้มแข็งค่า มองกรอบ 35.25-35.32 รอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะประชุมร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ในวันที่ 20 ก.พ.ที่จะถึงนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกของไทยในประเทศต่างๆ ว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไร จะต้องปรับแผนงานเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อให้การส่งออกขยายตัวตามเป้าหมายที่ 3%
  • ก.ล.ต.เล็งเพิ่มหลักเกณฑ์การออกตั๋วแลกเงินระยะสั้น หรือ B/E หวังให้บริษัทที่มีแนวโน้มเสี่ยงเปิดเผยข้อมูลทางการเงินโดยละเอียด ย้ำตัวแทนขายให้เปิดเผยทุกข้อมูลให้ผู้ซื้อพิจารณาก่อนซื้อ ยันการออกตราสารหนี้เป็นช่องทางระดมทุนที่สำคัญต่อภาคธุรกิจ
  • แบงก์ชาติรอความชัดเจนนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนประเมินผลกระทบเศรษฐกิจไทย ย้ำความผันผวนและความไม่แน่นอนยังสูง แนะธุรกิจเกี่ยวข้องต่างประเทศควรป้องกันความเสี่ยง ส่วนการผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E เกิดเฉพาะบริษัทขนาดเล็กที่มีปัญหาและกระทบบางกลุ่มผู้ลงทุน
  • ปลัดกระทรวงการคลัง เผยสัปดาห์นี้จะหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เพื่อเร่งสรุปมาตรการลดหย่อนภาษี 2 เท่า เพื่อกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน จะได้เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในเดือน ม.ค.นี้ โดยคลังต้องการออกมาตรการนี้ให้เร็ว เพื่อให้เอกชนมีเวลาเตรียมตัวและลงทุนเพื่อให้เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด

*หุ้นเด่นวันนี้

  • KKP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 71 บาท กำไรดีกว่าคาด -14% Q-Q, +48% Y-Y เป็น 1.45 พันล้านบาทใน 4Q59 จากการตั้งสำรองที่ลดลงอย่างมาก สำหรับกำไรก่อนสำรอง (PPOP) เป็นไปตามคาด -42% Q-Q, -9% Y-Y ตามการลดลงของรายได้ ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 2559 +67% Y-Y เพราะมีการขายเงินลงทุนในธุรกิจหลักทรัพย์และรายได้ดอกเบี้ยจากการปรับโครงสร้างหนี้ กำไรที่ทำไว้สูงปีก่อนทำให้ปี 2560 น่าจะลดลง 3% Y-Y พร้อมคาด Dividend yield 3.5-4.5% สำหรับงวด 2H16 หรือ 7% ต่อปี
  • KTB (เคจีไอ) "เก็งกำไร"ปรับประมาณการกำไรและเป้าพื้นฐาน KTB ขึ้น (จาก 18.4 บาท เป็น 21 บาท) สะท้อนผลการดำเนินงานปี 2559 ที่ดี และคุณภาพสินทรัพย์ และ Valuation น่าสนใจด้วย PBV ปี 2560 = 0.9 เท่า ขณะที่ ROAE 11.6%
  • SCC (ไอร่า) เป้า 648 บาท คาดทั้งปี 59 กำไรสุทธิ 54,617 ล้านบาท +20% ภายใต้ผลการดำเนินงาน 1H/59 ที่เติบโตโดดเด่น โดยเฉพาะจากธุรกิจปิโตรเคมี พร้อมคาดเงินปันผลทั้งปี 59 อยู่ที่ 17.00 บาท โดยคาดคงเหลือจ่ายใน 2H/59 อีกประมาณ 8.50 บาท นอกจากนี้คาดปี 60 กำไรสุทธิทำ New High ต่อเนื่อง จากธุรกิจปิโตรเคมี และคาดส่วนต่างผลิตภัณฑ์ยังสามารถทรงตัวได้ในระดับที่ดี จากวัฏจักรรอบนี้ที่คาดเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ปี เป็น 4-5 ปี, ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง คาดความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศ เพิ่มขึ้น 3-5% จากปี 59 ที่คาดทรงตัวที่ประมาณ 40 ล้านตัน จากการลงทุนภาครัฐ ที่คาดช่วยกระตุ้นความต้องการในกลุ่ม Commercial และ Residential ให้กลับมา ขณะที่ SCC มีการขยายไปในกลุ่ม ASEAN และคาดในปี 60 รับรู้กำลังการผลิตปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ