KTBST มอง SET วันนี้ลุ้น Break กรอบพักตัวมุ่งหน้าสู่ 1,600 ตอบรับดาวโจนส์ทะลุ 20,000 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 26, 2017 09:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ได้รับผลบวกจากดัชนีหุ้นดาวโจนส์ (Dow Jones Index) ที่พุ่งทะลุ 20,000 จุดขึ้นไปแล้ว ซึ่งมีเหตุผลที่ไปเกี่ยวกับความเชื่อของนักลงทุนว่า การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดี จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพราะถ้าไปดูดัชนี Dow Jones มีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในเดือน พ.ย.

ดังนั้น ตลาดหุ้นไทยวันนี้จะได้ผลบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯเข้ามา แรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็เป็นตัวยืนของตลาดอยู่แล้ว วันนี้ SET Index ยังอยู่ในโซนพักตัว 1,580-1,590 อยู่ ถ้า Break จากกรอบไปได้ ความมั่นใจก็จะตามมา โดยเป้าของ SET Index เรายังมอง 1,600 จุดอยู่

นายมงคล กล่าวว่า ปัจจัยสนับสนุนต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตัวอื่นๆ จะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี และผลประกอบการไตรมาส 4/59 ที่เมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นตัวแปรสำคัญของตลาด แต่ค่าเงินดอลลาร์กลับอ่อนค่า (Dollar Index ลดลง 0.35%) เพราะนโยบายการค้าของทรัมป์ที่กดดันค่าเงิน ล่าสุด จะเป็นการสร้างกำแพงกั้นชายแดนอเมริกากับเม็กซิโก แต่ดอลลาร์ที่อ่อนค่า ณ ตอนนี้ จะดีต่อสินค้าโภคภัณฑ์ในกลุ่มวัตถุดิบ ซึ่งตัวสำคัญ คือ โลหะ (เหล็ก)

ด้านราคาน้ำมันนั้น ความกังวลต่อปริมาณการผลิต (supply) ที่อาจเพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ ที่มีสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ด้วยผลบวกจากการลดกำลังการผลิตน้ำมันของโอเปก และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ทำให้เรายังคาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI จะเดินหน้าขึ้นสู่ 55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเร็วๆ นี้ ขณะที่ความต้องการของวัตถุดิบอุตสาหกรรมที่น่าจะโตตามเศรษฐกิจโลก โดยฟิทช์ปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกปีนี้ จาก 2.5% เป็น 2.7% ซึ่งจะไปเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มปิโตรเคมีจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (spread) ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น

"นโยบายของนายทรัมป์ยังคงมีน้ำหนักในทางที่เป็นบวกต่อตลาด เพียงแต่อาจมีผลต่อหุ้นที่อิงรายได้จากการส่งออกที่ยังรอดูทิศทาง เพราะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลทางตรง กลยุทธ์การลงทุน ยังเป็น Selective buy เราให้ความสนใจกับกลุ่มที่เป็น Domestic Play และกลุ่ม Laggard ที่อิงเศรษฐกิจ อย่างเช่น กลุ่มธนาคาร ที่อยู่อาศัย และกลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์ สำหรับการเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิเช่น BBL , INTUCH , PSH , SAWAD , SCN"นายมงคล กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ