(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าขยับขึ้นต่อตามหุ้นทั่วโลกตอบรับดาวโจนส์ทะลุ 20,000 จุดเชื่อมั่น"ทรัมป์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 26, 2017 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดขยับขึ้น ตามทิศทางตลาดต่างประเทศที่สดใสต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากดัชนีหุ้นดาวโจนส์เมื่อคืนนี้ปิดเหนือระดับ 20,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นการดำเนินนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะผลักดันการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน การปรับลดภาษี และผ่อนคลายกฎระเบียบต่าง ๆ

ประกอบกับ เมื่อคืนนี้บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ของยุโรปและสหรัฐฯ รายงานกำไรดีกว่าคาด บ้านเรา SCC งบฯออกมาก็ดีกว่าคาด ปลุกแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ที่ยังไม่แจ้งงบฯ ตามมา ทั้งกลุ่มพลังงาน รับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มอื่นๆ นอกจากนั้น วันนี้ยังมีลุ้นว่ากระแสเงินทุนจะพลิกกลับเป็นบวก

พร้อมให้แนวต้านวันนี้ 1,595-1,600 จุด แนวรับ 1,590 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 ม.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,068.51 จุด พุ่งขึ้น 155.80 จุด (+0.78%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,656.34 จุด เพิ่มขึ้น 55.38 จุด (+0.99%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,298.37 จุด เพิ่มขึ้น 18.30 จุด (+0.80%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 203.17 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.34 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 124.34 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 9.92 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.92 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 2.72 จุด

ส่วนตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ม.ค.60) 1,584.29 จุด เพิ่มขึ้น 5.47 จุด (+0.35%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,554.35 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ม.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ม.ค.60) ปิดที่ 52.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 43 เซนต์ หรือ 0.8%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ม.ค.60) ที่ 6.36 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.20 หลังดอลลาร์อ่อนต่อเนื่อง มองกรอบ 35.15-35.25
  • ทีมสอบ ป.ป.ช.เตรียมรายงานบอร์ด เบื้องต้นวันนี้ หลังได้ข้อมูลเชิงลึกสินบนโรลส์-รอยซ์ ด้าน"บรรยง"เสนอใช้ม.44 ให้อำนาจ ป.ป.ช.มากขึ้น ขณะองค์กรต่อต้าน คอร์รัปชันทำหนังสือเสนอนายกฯตั้งคนกลางร่วมสอบ
  • มายด์แชร์ คาดอุตสาหกรรมโฆษณาฟื้นตัว ปีนี้โต 12% "ทีวี-ออนไลน์"ยึดงบโฆษณาสูงสุด "ทีวีดิจิทัล"ผู้ชมขยายตัว ดันเม็ดเงินแตะ 3 หมื่นล้าน กลุ่มท็อปไฟว์ แห่ปรับราคาโฆษณา 10-20%
  • เอสซีจีเผยปี 2559 กำไรพุ่ง 24% จากปิโตรเคมี ขาขึ้น ประเมินยอดขายปี 2560 โต 5-10% จากแนวโน้ม น้ำมันขยับขึ้น ลงทุนภาครัฐหนุน ดันความต้องการใช้ปูนโต1-3% เตรียมรับการแข่งขันรุนแรงปีนี้ โบรกฯชี้มีโอกาสทำกำไรทุบสถิติ-ตั้งบอร์ดใหม่
  • ก.ล.ต.สางปมร้อน "ตั๋วบี/อี" เร่งแก้เกณฑ์จำกัดการขายเฉพาะกลุ่มนักลงทุนวงแคบไม่เกิน 10 คน บังคับใช้ภายใน 1-2 เดือน แจงกรณี "โบรกเกอร์"เสนอขายวงกว้างต้องออกเป็น"หุ้นกู้"พร้อมกำหนดสิทธิ์ผู้ถือหุ้นกู้เพื่อดูแลนักลงทุน เตรียมถกโบรกเกอร์ ที่ปรึกษาการเงิน แบงก์ด่วน

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SCC (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 600 บาท กำไรสุทธิ 4Q16-11% Q-Q,+9% Y-Y ดีกว่าคาด จากส่วนต่างสินค้าปิโตรเคมีแข็งแกร่ง ทำให้กำไรทั้งปี 59 +24% Y-Y เป็น 5.6 หมื่นล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สำหรับปี 60 ยังคงคาดกำไร 5.04 หมื่นล้านบาท -10% Y-Y หดตัวมากกว่าคาดเดิม เพราะฐานที่สูงมากในปีก่อนเพราะธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่ทำไว้ดีมากเกิน ความน่าสนใจอยู่ที่ PE ไม่แพงเพียง 12 เท่า และมีปันผลงวด H2/59 อีก 10.50 บาท/หุ้น (Yield 2.1%)
  • CPALL (ซีไอเอ็มบี) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 71 บาท ราคาปรับลดลงมากว่า 9.6% จากต้นปี (เทียบกับตลาดที่ +2.7% YTD) หลังมีข่าวสนใจซื้อกิจการค้าปลีกในโปแลนด์ (Zabka) มูลค่า 1,500 ล้านยูโรหรือ 5 หมื่นล้านบาท ทำให้ตลาดเป็นกังวลว่าอาจส่งผลให้ D/E เกินกว่า 3 เท่า สูงเกิน Bond covenants ที่ระดับ 2.5 เท่า แต่เมื่อวานนี้ CPALL ออกมาปฎิเสธแล้วว่าไม่ได้เข้าประมูล ดังนั้น ราคาหุ้นที่ underperform ตลาดและกลุ่มค้าปลีกมานับตั้งแต่ต้นปีจะกลับมาฟื้นตัวได้ดี โดยราคา laggard กลุ่มค้าปลีก (-2.4% YTD) และตลาด (+2.7% YTD) อยู่มาก นักลงทุนอาจมีการ cover short หลังจากที่มีปริมาณการ short ไปกว่า 14 ล้านหุ้น รวมมูลค่า 880 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่คาดกำไรโตเฉลี่ย 20% CAGR ในปี 58-61 จากการขยายกิจการเชิงรุกและมาร์จินสูงขึ้น
  • UNIQ (ไอร่า)"ซื้อ"เป้า 30 บาท ความสามารถในการทำกำไรโดดเด่นสุดในกลุ่ม แม้ระดับ Backlog และรายได้งานก่อสร้างจะต่ำเมื่อเทียบกับ ITD, CK และ STEC แต่ภายใต้โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างปัจจุบัน 7 โครงการ (ไม่รวมสายสีส้ม จำนวน 1 สัญญา ที่อยู่ระหว่างเจรจาต่อรอง) ทำให้สามารถควบคุมงานก่อสร้างทั้งคุณภาพและต้นทุนจากส่วนกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับที่ดีและสูงต่อเนื่อง โดยมี Gross Profit Margin เฉลี่ย 17% และ Net Profit Margin เฉลี่ยประมาณ 7% โดดเด่นสุดในกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น ITD,CK และ STEC

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ