ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,576.32 จุด ลดลง 0.99 จุด (-0.06%) มูลค่าการซื้อขาย 60,515.01 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,581.35 จุด ส่วนดัชนีทำจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,569.75 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 516 หลักทรัพย์ ลดลง 712 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 375 หลักทรัพย์
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้พักฐานต่อเนื่อง เนื่องจากตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นมาเร็ว แต่ในทางเทคนิคมองเป็นการพักฐานระยะสั้น จากนี้ไปก็ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของไทย และการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศ โดยดูนักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาหรือไม่ และการส่งออกเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งจากการประเมินกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ คาดว่าจะมีการเติบโต 8% จากปี 2559 อย่างไรก็ดี เพื่อให้แน่ใจการฟื้นตัวก็ต้องรอดูผลประกอบการงวดไตรมาส 1/60 ก่อน ซึ่งถ้าออกมาดีก็จะทำให้ตลาดฯรีบาวด์กลับขึ้นไปได้
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ขณะที่ตลาดในยุโรปเปิดเทรดบ่ายนี้ในแดนบวก และเงินบาทยังแข็งค่า อย่างไรก็ดี ต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ ว่าจะมีการส่งสัญญาณอะไรออกมา และให้ติดตามนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐต่อไปด้วย
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (2 ก.พ.) นายธีรวุฒิ กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อได้ โดยอาจจะซึมลงในช่วงแรก ซึ่งก็มองว่าถ้าปรับตัวลงก็เป็นจุดซื้อ เพราะมีโอกาสที่จะรีบาวด์ โดยให้แนวรับ 1,563 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,266.54 ล้านบาท ปิดที่ 404.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,429.46 ล้านบาท ปิดที่ 98.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,863.93 ล้านบาท ปิดที่ 9.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,500.35 ล้านบาท ปิดที่ 191.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,409.47 ล้านบาท ปิดที่ 66.50 บาท ลดลง 1.25 บาท