KTAM คาด SET ปีนี้แตะ 1,680 จุด อัพไซด์ 8% จากปี 59 แนะเลือกลงทุนหุ้นกลาง-เล็ก

ข่าวหุ้น-การเงิน Sunday February 5, 2017 09:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยถึง แนวโน้มการลงทุนในปี 60 ประเมินว่าดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,400-1,680 จุด ซึ่งถ้าแตะ 1680 จุด คิดเป็นอัพไซด์ 8% จากระดับดัชนี 1548.94 จุด เมื่อสิ้นปี59และคาดสิ้นปีนี้ปิดที่ 1,660 จุด ถือว่าปรับขึ้นไม่มากนัก

“ปีนี้คาดหุ้นไทยอัพไซด์ 8%ถือว่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยการปรับขึ้นแต่ละปีของดัชนีในอดีตที่จะอยุ่ระหว่าง12-15% เนื่องจากราคาหุ้นหลายตัวเริ่มเข้าใกล้มูลค่าตามพื้นฐาน ดังนั้นการคัดเลือกหุ้นที่จะเข้าลงทุนจึงมีบทบาทสำคัญในการจัดพอรตลงทุนปีนี้“นางชวินดากล่าว

ปัจจัยการลงทุนในประเทศจะเป็นปัจจัยสนับสนุน ทั้งภาวะการฟื้นตัวเศรษฐกิจ การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ สภาพคล่องตลาดเงินที่มีอยุ่สูง อัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวต่ำ ค่าเงินที่ผันผวนน้อยเมื่อเทียบสกุลอื่นตัวต่ำ ในขณะที่การฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อหุ้นที่มีราคาเคลื่อนไหวตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ดัชนีปรับขึ้นมาค่อนข้างสูงแล้ว ดังนั้นการคัดเลือกหุ้นสำหรับพอร์ตลงทุนจึงมีความสำคัญมาก อีกทั้งราคาหุ้นหลายตัวเริ่มเข้าใกล้มูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ราคาหุ้นต่อจากนี้จะไม่มาในลักษณะปรับขึ้นทั้งกระดานหรือกลุ่มอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งเป็นพิเศษ การลงทุนหุ้นจะต้องคัดเลือกมาเป็นพิเศษ วิธีการลงทุนของบริษัทจะให้ความสำคัญกับงานด้านวิเคราะห์ ทั้งเศรษฐกิจมหาภาค รายกลุ่มอุตสาหกรรมและการวิเคราะห์ที่ลงลึกถึงรายบริษัท และเป็นหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากกระแสเม็ดเงินลงทุนไหลเข้า-ออกของนักลงทุนต่างชาติที่จะมีความผันผวนค่อนข้างสูงตลอดทั้งปี

กลยุทธ์การลงทุนในปีนี้ที่บริษัทสนใจและคาดว่าจะมีความโดดเด่นคือ หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กทั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) เลือกลงทุนในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐ การบริโภคภายในประเทศ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า คือ กลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ กลุ่มพาณิชย์ รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น

สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่จะส่งผลต่อเม็ดเงินลงทุนไหลเข้า-ออก ภูมิภาคที่สำคัญได้แก่ นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสำคัญๆ และการปรับเปลี่ยนผู้นำทางการเมืองของประเทศเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โดยประเมินว่ากระแสเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าซื้อสุทธิในหุ้นไทย และตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ทั่วโลก

ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทได้คัดสรรกองทุนในแต่ละประเภท ที่คาดว่ามีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี ให้นักลงทุนได้พิจารณา คือ กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น Mid-Small Cap (KTMSEQ) กองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่งที่จะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ โดยกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ใช้ Bottom up approach เป็นหลักในการคัดเลือกหุ้นและบริหารกองทุน ซึ่งเหมาะสมกับภาวะการลงทุนในปัจจุบัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ