KTBST คาดวันนี้ SET ปรับขึ้น รับปัจจัยบวกเฟดอาจขึ้นดบ.ช้า-"ทรัมป์"เตรียมประกาศแผนลดภาษีครั้งใหญ่

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 10, 2017 10:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST)ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ปรับขึ้น ด้วยตัวช่วย 2 ตัว คือการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจขึ้นดอกเบี้ยช้าและสหรัฐ จะประกาศแผนลดภาษีครั้งใหญ่ใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ทำให้ตลาดหุ้นมีความคึกคักมากขึ้นในวันนี้ อย่างไรก็ตามการพบกันของสองผู้นำของสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น ในคืนนี้ จะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า จะทำให้แรงซื้อส่วนใหญ่จะเป็นเพียงเข้ามาเก็งกำไรช่วงสั้น ๆ โดยตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาดในระหว่างวัน คือตัวเลขส่งออกของจีน ที่คาดว่าตัวเลขการส่งออกเดือนม.ค.ในรูปสกุลดอลลาร์จะเพิ่มขึ้น 3.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศคืนที่ผ่านมา ได้ตัวช่วยสำคัญ คือ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด ระบุว่า เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยได้เพียงครั้งเดียวในปีนี้ เพราะนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ อาจส่งผลในปีหน้า และเฟดอาจจำต้องดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำไปอีกระยะหนึ่ง (ค่า Implied Probabilities ของ Fed Fund Futures สำหรับการประชุมเดือน มี.ค. และ พ.ค. อยู่ที่ 26% และ 40% ตามลำดับ บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป)

ขณะที่อีกตัวช่วย คือการที่ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า นโยบายลดภาษี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถูกประกาศใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ทำให้มองว่าการที่เฟดมีแนวโน้มชะลอการขึ้นดอกเบี้ยและสหรัฐฯกำลังจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายหาเสียง เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ด้วย

ด้านศาลอุทธรณ์เขต 9 ประจำนครซาน ฟรานซิสโกของสหรัฐ มีคำพิพากษายืน โดยปฏิเสธที่จะให้รื้อฟื้นคำสั่งแบนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ในการห้ามพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมเข้าประเทศ หมายความว่ายังให้ระงับการนำคำสั่งนี้มาใช้อยู่ต่อไป แม้จะเป็นข่าวที่ออกมาในทางลบ แต่ความชัดเจนอาจมีความสำคัญมากกว่า ดังนั้น ผลลบต่อตลาดหุ้นจึงค่อนข้างน้อย

สำหรับปัจจัยของไทยเอง ด้วยความแข็งแรงด้านเศรษฐกิจ ดูได้จากการปรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขึ้น ค่าเงินบาทแข็งเมื่อเทียบกับเงินในภูมิภาคนี้ และมีเงินไหลเข้าจากต่างประเทศแต่ไปอยู่ในตลาดพันธบัตร เป็นปัจจัยที่ทำให้หุ้นที่อิงภาวะเศรษฐกิจ รวมไปถึงตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มเดินหน้าต่อ นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4/59 ที่เริ่มนำส่งกันมากขึ้น จะทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นรายกันกันมากขึ้น

"การสลับกลุ่มเล่นระหว่างหุ้นใหญ่ที่เราเห็นกันวานนี้ เป็นสัญญาณว่าตลาดหุ้นมีเม็ดเงินเข้ามาอย่างจำกัด อาจเป็นเพราะยังไม่แน่ใจในทิศทางตลาด การเข้าลงทุนในวันนี้ จึงต้องเป็นแบบ selective โดยเน้นหุ้นที่ได้ปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นหลัก หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน เช่น KTB,KBANK,ROBINS,BEAUTY,IVL"นายมงคล กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ