โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) มองอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม โดยคาดกำไรสุทธิในปี 60-61 ยังเติบโตได้ดี จากแผนการขยายกำลังการผลิตและแนวโน้มอัตรากำไรขั้นที่เพิ่มขึ้น แม้คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 4/59 จะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าตามปัจจัยฤดูกาล ประกอบกับราคาทองแดง ซึ่งเป็นวัตถุดิบปรับสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุน แต่เห็นว่า KCE จะรับผลกระทบแค่ในระยะสั้น เนื่องจากเชื่อว่าจะสามารถเจรจาต่อรองปรับขึ้นราคาขายกับลูกค้าได้ในอนาคต เพราะแผ่นวงจรพิมพ์สำหรับยานยนต์ (Automotive PCB) ไม่สามารถผลิตได้ง่ายนัก
ขณะที่ราคาหุ้นปรับลดลงมามากก่อนหน้านี้ ได้สะท้อนผลของราคาทองแดงที่ปรับตัวขึ้นไปแล้ว ดังนั้น จึงเป็นโอกาสเก็บสะสมหุ้นที่ดี ที่ยังมี Upside จากราคาเป้าหมาย
ราคาหุ้น KCE ช่วงบ่ายอยู่ที่ 101.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท (+3.57%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.33%
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาพื้นฐาน(บาท)
กรุงศรี ซื้อ 120
ทรีนีตี้ ซื้อเมื่ออ่อนตัว 112
ธนชาต ซื้อ 140
ดีบีเอส (ประเทศไทย) ซื้อ 116 นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้น KCE นับเป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม แม้คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/59 จะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ตามปัจจัยฤดูกาล แต่คาดกำไรสุทธิในปี 60-61 ยังเติบโตแข็งแกร่งที่ 27% และ 23% ตามลำดับ จากแผนการขยายกำลังการผลิตและแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น
ส่วนภาพการเติบโตในระยะยาว ตลาดแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ในรถยนต์ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและสูงกว่าตลาด PCB โดยรวม เนื่องจากความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์ที่สูงขึ้น ขณะที่ KCE ยังมีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) และอัตรากำไรสุทธิ (NPM) ที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งอีกด้วย เนื่องจากกการมุ่งเน้นกลยุทธ์ Backward Integration ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิต
ทั้งนี้ ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิของ KCE ในปี 59 ลงเล็กน้อย 0.7% จากคาดการณ์ยอดขายฝาก (Consignment sale) ที่จะสูงขึ้นในไตรมาส 4/59 ทำให้เกิดการรับรู้รายได้ช้าลง โดยคาดว่าจะเลื่อนการรับรู้รายได้ไปในปี 60 แทน แต่ปรับประมาณการปี 60-61 ขึ้นจากแผนการขยายกำลังการผลิตของ KCE Technology และคาดอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานที่ลาดกระบังเฟส 3 สูงขึ้น
"ยังน่าสนใจอยู่ ถึงแม้ผลประกอบการไตรมาส 4/59 จะได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นแรงคือราคาทองแดง ซึ่งเป็นเทรนด์ของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก KCE คงได้รับผลกระทบแค่ระยะสั้นเพราะมองว่า แผ่นวงจรพิมพ์สำหรับยานยนต์ ไม่ได้ผลิตกันได้ง่าย ๆ อำนาจต่อรองกับลูกค้ามีสูงมากที่จะสามารถปรับเพิ่มราคาขายเพื่อสะท้อนต้นทุนได้ในอนาคต แต่ในระยะสั้นอาจจะเจรจาต่อรองราคาไม่ทัน ภาพรวมยังน่าสนใจ การที่ราคาหุ้นปรับลงรอบนี้เป็นจังหวะเก็บสะสมได้น่าสนใจ"นายประกิต กล่าว
นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ แนะ"ซื้อเมื่ออ่อนตัว"ราคาเป้าหมาย 112 บาท จากการที่ราคาทองแดงได้ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงของปลายปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20% ส่งผลกระทบต่อ KCE ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผง PCB ที่มีส่วนประกอบหลักที่เป็นทองแดงและลามิเนต โดยสัดส่วนต้นทุนของทองแดงคิดเป็นประมาณ 10%
โดยในช่วงปลายเดือนม.ค.ราคาหุ้น KCE ได้มีการปรับลดลงมากว่า 10 บาท ซึ่งมองว่าสะท้อนผลของราคาทองแดงที่ได้มีการปรับตัวขึ้นไปแล้ว นอกจากนี้ในช่วงสั้นอาจจะมีการปรับตัวลงของราคาจากผลการดำเนินงานที่ไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดหวัง อย่างไรก็ตามจำนวนคำสั่งซื้อยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่า KCE จะสามารถผลักภาระต้นทุนทองแดงที่ขึ้นมาในให้กับลูกค้าได้ในช่วงต้นปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงในการเจรจาปรับเปลี่ยนต้นทุน
บทวิเคราะห์ของบล.ธนชาต ระบุว่าราคาทองแดงที่ปรับสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุน และอัตรากำไร ทำให้ปรับกำไรลง 3-9% และเป้าหมายพื้นฐานเหลือ 140 บาท จากเดิม 145 บาท แต่ยังชอบความเป็น low-cost producer ของ KCE ทำให้สามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรม ทำให้คาดกำไรปี 60-61 ยังเติบโต 20-33%