โบรกเกอร์ต่างแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) จากแนวโน้มสินเชื่อที่กลับมาขยายตัวอีกครั้งหลังจากที่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 57-59) สินเชื่อหดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยการขยายตัวของสินเชื่อจะมาจากการเติบโตของสินเชื่อทุกประเภท ตามภาวะเศรษฐกิจที่เติบโต และภาระผ่อนชำระตามนโยบายรถยนต์คันแรกหมดลง
นอกจากนี้ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จากนโยบายการปรับเพิ่มสัดส่วนเงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์เป็น 50% จากปีก่อนที่ 45% ช่วยให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง เพราะเงินฝากทั้ง 2 ประเภทอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำอย่างไรก็ตามแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น 2.5% จากปีก่อนที่ 2.4% จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังเติบโตไม่แข็งแกร่ง และกลยุทธ์เชิงรุกในการผลักดันการขยายตัวของสินเชื่อ
หุ้น TCAP อยู่ที่ 48.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+0.52%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.08%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) แอพเพิล เวลธ์ ซื้อ 56.00 บัวหลวง ซื้อ 55.00 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 53.00 ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 53.00 ทรีนีตี้ ซื้อ 53.00 เอเซีย พลัส ซื้อ 53.00นักวิเคราะห์ บล.แอพเพิล เวลธ์ กล่าวว่า แนวโน้มสินเชื่อรวมของ TCAP ในปี 60 จะกลับมาขยายตัวได้ราว 4% หลังจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 57-59) หดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยการขยายตัวของสินเชื่อในปีนี้จะมาจากการเติบโตของสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายใหญ่
นอกจากนี้ การที่ TCAP จะพยายามเพิ่มสัดส่วนเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ (CASA) เป็น 50% จากระดับเดิมที่ 45% จะช่วยให้ต้นทุนทางการเงินทรงตัวในระดับต่ำ ซึ่งสามารถรองรับสถานการณ์ดอกเบี้ยขาขึ้นได้ ขณะที่ TCAP ยังจะรักษาระดับ NIM ไว้ที่ 2.9-3% ส่วน NPL คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5% จากปีก่อนที่ 2.4% จากการเน้นการเติบโตของสินเชื่อในเชิงรุกมากกว่าปีก่อน
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มสินเชื่อของ TCAP ในปีนี้จะกลับมาเติบโตได้ที่ 3-5% จากช่วง 3 ปีที่ผ่านมาหดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการเติบโตไปในทิศทางเดียวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และแนวโน้มของสินเชื่อทุกประเภทจะกลับมาเติบโตได้ โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่คาดว่าจะไม่หดตัวแล้ว หลังจากภาระการผ่อนชำระตามนโยบายรถคันแรกหมดลง คาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวกลับมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/60
อย่างไรก็ตาม แนวโน้ม NPL ยังคาดว่าเพิ่มขึ้นเป็น 2.5% จากปีก่อนที่ 2.4% เนื่องจากในปี 60 คาดว่าเศรษฐกิจยังเติบโตอย่างไม่ค่อยแข็งแรงนัก ซึ่งลูกค้าที่คงได้รับผลกระทบจะเป็นกลุ่มเอสเอ็มอี และลูกค้ารายย่อยยังมีหนี้ภาคครัวเรือนในระดับสูง แต่ TCAP ยังสามารถบริหารต้นทุนทางการเงินได้ดี โดยจะเพิ่มสัดส่วน CASA เป็น 50% ซึ่งทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง และคาดว่า NIM จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.1%
นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มของสินเชื่อปีนี้ของ TCAP จะกลับมาเติบโตได้ 4% จากช่วง 3 ปีที่ผ่านมาหดตัวมาอย่างต่อเนื่อง โดยมาจากสินเชื่อรายใหญ่ สินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อที่อยู่อาศัย
ขณะที่ NPL อาจจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.5% จากปีก่อนที่ 2.4% จากกลยุทธ์เชิงรุกในการปล่อยสินเชื่อ ในส่วนแนวโน้มของ NIM คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 3% ในปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการเพิ่มสัดส่วน CASA ของบริษัทเป็น 50% ในปีนี้ เพราะ CASA เป็นประเภทเงินฝากที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำทั้งเงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์