โบรกฯเชียร์"ซื้อ"ERW มองกำไรปีนี้โตดีรับท่องเที่ยวดี,ฐานงบฯแข็งแกร่งเพียงพอรองรับขยายพอร์ตโรงแรม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 1, 2017 16:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) หลังมองผลกำไรจากการดำเนินงานปีนี้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากอัตราการเข้าพักและค่าห้องพักที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดนักท่องเที่ยวยังคงขยายตัวและภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะช่วยหนุน นอกจากนี้ เป้าหมายการขยายพอร์ตโรงแรมเป็น 95 แห่งภายในปี 63 โดยจะกระจายไปยังต่างจังหวัดและต่างประเทศ จะช่วยลดความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของรายได้ในกรุงเทพฯ

อีกทั้งการลงทุนเพื่อขยายพอร์ตโรงแรมดังกล่าวไม่ได้สร้างความกังวลหรือถ่วงต่อผลการดำเนินงานมากนัก เพราะฐานรายได้และกำไรของ ERW มีความแข็งแกร่งมากกว่าในอดีต

ขณะที่ราคาหุ้นยัง underperform หุ้นกลุ่มโรงแรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงระยะสั้นจะได้รับประโยชน์จากช่วงไฮซีซั่นในไตรมาสแรกของปี จะช่วยหนุนให้กำไรสุทธิของ ERW ทำสถิติสูงสุดใหม่รายได้ไตรมาสได้ในไตรมาส 1/60

ปิดพักเที่ยงราคาหุ้น ERW อยู่ที่ 4.64 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 0.27%

          โบรกเกอร์                   คำแนะนำ                 ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ               ซื้อ                         5.40
          ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ               ซื้อ                         5.80
          กรุงศรี                       OUTPERFORM                  6.00
          ฟินันเซีย ไซรัส                  ซื้อ                         6.00
          เอเซีย พลัส                    ซื้อ                         6.00
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)             ซื้อ                         6.00
          เออีซี                         ซื้อ                         5.30
นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ ERW ในปีนี้จะมีกำไรจากการดำเนินงานเติบโต 30% มาอยู่ที่ระดับ 445 ล้านบาท จากอัตราการเข้าพักที่สูงขึ้น และรายได้เฉลี่ยต่อจำนวนห้องพัก (RevPAR) ที่เพิ่มขึ้น โดย RevPAR ในช่วงเดือน ม.ค.60 ยังเติบโตได้ดี สะท้อนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรม แม้ตัวเลขอาจจะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ดี สะท้อนการมีกำไรและอัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้น
การเปิดโรงแรมใหม่ในไทยและฟิลิปปินส์ยังคงมีต่อเนื่องในปี 60-61 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงแรมเครือ HOP INN จำนวนห้องพักรวมจะขยายตัว 12% ในปีนี้ ขณะที่โรงแรมขนาดกลางและแบบประหยัดอีก 4 แห่งในกรุงเทพฯจะเปิดให้บริการในช่วงปี 61-62 ซึ่งแผนการขยายตัวเป็นไปด้วยดี โดย ERW ตั้งงบลงทุนไว้ที่ราว 1.5-2 พันล้านบาท/ปี ขณะที่มีกระแสเงินสดภายใน เงินสดในมือ และเงินกู้ธนาคารเพียงพอ สามารถรองรับแผนการขยายตัวได้ในอนาคต แม้ว่าจะเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ อัตราหนี้สินต่อทุนยังอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 1.8 เท่า ในปี 63 จาก 1.7 เท่าในปีที่ผ่านมา ซึ่ง ERW สามารถจัดการการกู้เงินได้โดยไม่ต้องจัดตั้ง REIT
"ช่วงนี้ราคาหุ้น underperform หุ้นกลุ่มโรงแรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกราว 7% year to date สะท้อนความเสี่ยงไปแล้วบางส่วน ขณะที่ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ยอดนักท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นมา 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน confirm โดยตัวเลขยอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านสนามบินของ AOT ทั้ง 6 แห่ง ระหว่างวันที่ 1-26 กุมภาฯเพิ่มขึ้น 8% บ่งชี้ว่า tourist traffic มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง"นายสิทธิชัย กล่าว

นายสิทธิชัย กล่าวอีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นอื่นในกลุ่มเดียวกันนั้น มองว่าระยะสั้น ERW ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก จะได้รับประโยชน์เต็มที่จากยอดนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่หุ้นอื่นอย่าง บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) หรือ บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) ซึ่งมีทั้งธุรกิจโรงแรม ,ธุรกิจอาหาร ,ธุรกิจอาหารบริการด่วน (Quick Service) แต่การเติบโตของธุรกิจอาหารยังไม่ชัดเจน ตามการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งยังต้องติดตามดูต่อไปในช่วงไตรมาส 2 ด้วย

นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ERW ได้เปิดเผยแผนการลงทุนในอีก 4 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขนาดสินทรัพย์อีกเกือบเท่าตัวจาก 1.17 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน ผ่านการใช้งบลงทุน 9.1 พันล้านบาทในช่วงปี 60-63 ซึ่งจะทำให้จำนวนโรงแรมในพอร์ต เพิ่มขึ้นจาก 41 แห่ง เป็น 95 แห่งภายในปี 63 ซึ่งผู้บริหารของ ERW คาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโต 10% โดยจะเป็นการเติบโตจากโรงแรมในปัจจุบัน 7% ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการเข้าพัก (occupancy rate) และค่าห้องพัก (room rate) ที่ขยับสูงขึ้น ส่วนการเติบโตอีก 3% จะมาจากการเปิดโรงแรม HOP INN อีก 9 แห่ง โดยเป็นในประเทศ 8 แห่ง และอีก 1 แห่งที่ฟิลิปปินส์

อย่างไรก็ตาม กรุงศรี มองบนสมมติฐานแบบอนุรักษ์นิยมว่ารายได้ของ ERW ในปีนี้จะโตแค่ 8% แต่คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะโต 34% เป็น 464 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่า consensus 8% เพราะเชื่อว่าตลาดมองข้ามประเด็นสำคัญไปประเด็นหนึ่ง คือการที่ ERW จะเริ่มจ่ายค่าเช่าคงที่ 72.5 ล้านบาท บวกค่าธรรมเนียมผันแปรที่อิงกับผลการดำเนินงานของ Ibis ป่าตอง และ Ibis พัทยา ภายใต้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณ โฮเทล โกรท (ERWPF) ในไตรมาส 2/60 จากนปัจจุบัน ERW ยังต้องจ่ายค่าเช่าที่อัตราการันตีขั้นต่ำอยู่ที่ปีละ 111.5 ล้านบาทไปจนถึงไตรมาส 1/60 จากข้อมูลในอดีตชี้ว่าอัตราใหม่ที่จะต้องจ่ายจะต่ำกว่าค่าเช่าขั้นต่ำที่การันตีเอาไว้

ทั้งนี้ ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 60-62 ขึ้นอีก 3-9% หลังจากที่ได้ปรับเพิ่มสมมติฐานใหม่ และทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 6 บาท ขณะที่มองว่าหุ้น ERW ปัจจุบันยังถูก โดยซื้อขายอยู่ที่ P/E ปี 60 แค่ 24x เท่านั้น ในขณะที่ P/E เฉลี่ยของหุ้นโรงแรมในภูมิภาคอยู่ที่ 28x ส่วนในไตรมาส 1/60 คาดว่ากำไรของ ERW จะทำสถิติสูงสุดใหม่รับประโยชน์จากการเป็นช่วง peak ของการท่องเที่ยว

บทวิเคราะห์ของ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่ามีมุมมองเป็นบวกต่อแผนการขยายโรงแรมของ ERW เพิ่มเป็น 95 แห่ง หรือคิดเป็นจำนวนห้องพักไม่ต่ำกว่า 10,000 ห้องพัก ด้วยเงินลงทุนอีกราว 9.1 พันล้านบาท ภายในปี 63 โดยเป็นการกระจายไปยังต่างจังหวัดและต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของรายได้ในกรุงเทพฯ ขณะที่ไม่ได้เป็นกังวลนักกับโรงแรมเปิดใหม่ที่จะถ่วงผลการดำเนินงานในช่วงเริ่มแรกเนื่องจากฐานรายได้และกำไรของ ERW แข็งแกร่งกว่าในอดีตมาก

ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 60 เติบโต 20.6% จากปีที่แล้ว ขณะที่ระยะสั้นคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากกำไรในช่วงไตรมาส 1/60 ที่จะทำจุดสูงสุดของปีจากอานิสงส์ของ Peak Season

บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามองแนวโน้มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายในประเทศว่ายังอยู่ในช่วงของการเติบโต คาดตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี 60 จะเพิ่มขึ้นเป็น 34.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6% จากปีที่แล้ว และรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 8% จากปีที่แล้ว สอดคล้องกับแผนการเติบโต 5 ปีของ ERW ที่ปัจจุบันมีโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 16 แห่ง

แม้เผชิญ High season ที่ไม่สดใสนักในช่วงปลายปี 59 แต่ ERW ยังสามารถรักษาฐานกำไรไว้ได้ ขณะที่มีสัดส่วนรายได้ในประเทศมากที่สุดในกลุ่ม สะท้อนถึงผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ในไตรมาส 1/60 เป็นต้นไปจากดีมานด์ของนักท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมา ควบคู่กับ HOP INN ที่เริ่มมีบทบาทต่อผลการดำเนินงานของ ERW มากขึ้น ทางฝ่ายคงคำแนะนำ "ซื้อ" แม้จะปรับลดราคาพื้นฐานสำหรับปี 60 เป็น 6 บาท/หุ้น หลังได้ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ลง 10% เป็น 408 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นจากช่วงแรกของการเปิดโรงแรมใหม่ แต่กำไรยังเติบโต 11% จากปีที่แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ