ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) แก่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) (YSTH) ที่ ‘AA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ ‘F1+(tha)’
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตภายในประเทศของ YSTH พิจารณาจากปัจจัยสนับสนุนจากบริษัทแม่ เนื่องจากฟิทช์มองว่า YSTH เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อกลุ่มบริษัทแม่ ซึ่งคือ Yuanta Financial Holding (YFHC, BBB+/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) โดยทางกลุ่มบริษัทแม่เข้ามาถือหุ้นใน YSTH (ซึ่งแต่เดิมคือ บล.เคเคเทรด) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2559 หลังจากการซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทจาก บมจ.ทุนภัทร
ทั้งนี้ ทางกลุ่มบริษัทแม่ให้สิทธิ YSTH ในการใช้ชื่อและสัญลักษณ์ทางการค้าร่วมกันกับกลุ่มบริษัทแม่และยังให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกในประเทศไทยทั้งในด้านการดำเนินงานและการเงิน ซึ่งรวมถึงเงินกู้ยืมและการเพิ่มทุน นอกจากนี้กลุ่มบริษัทแม่ยังมีอำนาจควบคุมการบริหารงานและได้เริ่มมีการผสานการดำเนินงาน (integration) ของบริษัทลูกให้สอดคล้องกับกลุ่ม
ฟิทช์เชื่อว่า YSTH มีบทบาทสำคัญในเชิงกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทแม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังเชื่อว่าในระยะยาว YSTH จะได้รับประโยชน์จากเครือข่ายทางธุรกิจในภูมิภาคของกลุ่มบริษัทแม่ ภายใต้การบริหารใหม่ YSTH มีเป้าหมายที่เปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจจากเดิมที่เน้นธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สำหรับลูกค้ารายย่อยเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการครบวงจร (full-service securities firm) นอกจากนี้เครือข่ายทางธุรกิจของ YSTH น่าจะปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นจากความร่วมมือและการทำงานร่วมกันกับทางกลุ่มบริษัทแม่
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตภายในประเทศ การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ของ YFHC น่าจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศของ YSTH นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตสากลสกุลเงินภายในประเทศระยะยาว (Long-Term Local-Currency Issuer Default Rating) ของประเทศไทยที่ BBB+/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ น่าจะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของ YSTH ได้เช่นกัน
ฟิทช์อาจจะปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศของ YSTH หากฟิทช์เชื่อว่าโอกาสที่ YFHC จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษที่นอกเหนือจากการสนับสนุนในด้านการดำเนินงานปรกติ (extraordinary support) แก่บริษัทลูกมีการปรับตัวลดลง โดยอาจจะแสดงได้จากการลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทลูกอย่างมีนัยสำคัญหรือการลดลงของระดับการสนับสนุนทางการเงิน เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากทางกลุ่มเพิ่งจะเริ่มเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปี 2559