หุ้น EARTH ราคาพุ่งพรวดขึ้น 22.22% มาอยู่ที่ 2.42 บาท เพิ่มขึ้น 0.44 บาท มูลค่าซื้อขาย 551.53 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.01 น. โดยเปิดตลาดที่ 2.40 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.48 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.32 บาท
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 พ.ค.) EARTH ร่วงติดฟลอร์ 29.79% ปิดที่ 1.98 บาท ลดลง 0.84 บาท
ทั้งนี้ บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) ชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1/60 ว่า บริษัทมีขาดทุนสุทธิของบริษัทใหญ่จำนวน 68.93 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 111.88 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลง 161.61% เนื่องจากบริษัทมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 341.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 291.15 ล้านบาท เปรียบเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งหากบริษัทไม่มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจะทำให้บริษัทมีกำไรก่อนขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 272.47 ล้านบาท
ในไตรมาส 1/60 บริษัทมีรายได้จากการขายจำนวน 7,860.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 4,123.14 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 110.33% โดยเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 1,375.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 758.09 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 122.77% เนื่องจากบริษัทมีปริมาณการขายถ่านหินเพิ่มขึ้น 79.75% นอกจากนี้ บริษัทมีราคาขายถ่านหินเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากราคาตลาดถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกับของปีก่อน
รายได้จากการขายต่างประเทศ 6,484.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,365.05 ล้านบาท หรือคิดเป็น 107.87% เนื่องจากปริมาณการขายในประเทศจีนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะบริษัทย่อยในประเทศจีนซึ่งสามารถขยายฐานลูกค้าในประเทศจีนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีราคาขายถ่านหินเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากราคาตลาดถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกับของปีก่อน
บริษัทมีต้นทุนขาย 7,029.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,775.61 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 116.04% สาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจากราคาตลาดโลกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกับของปีก่อน
บริษัทมีกำไรขั้นต้น 830.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 347.53 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 71.91% และมีอัตราส่วนกาไรขั้นต้นต่อยอดขายรวม (Gross profit margin) คิดเป็น 10.57% ของยอดขาย และงวดเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 12.93% ของยอดขายรวม สาเหตุหลักมาจากบริษัทมีต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาขายเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกับของปีก่อน และบริษัทมีกำไรก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน 272.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 110.37 ล้านบาท คิดเป็น 68%