PTT บวก 1.55% โบรกฯเชียร์"ซื้อ"หลังกำไร Q1/60 ทำได้ดีกว่าคาด รับรู้ปันผลลงทุนในกองทุนรวมหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 16, 2017 11:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น PTT ราคาขยับขึ้น 1.55% มาอยู่ที่ 392 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,519.91 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.54 น. โดยเปิดตลาดที่ 390 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 393 บาท และราคาทำระดับต่ำสุดที่ 390 บาท

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท. (PTT) ให้ราคาเป้าหมาย 420 บาท โดย PTT รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 1/60 เท่ากับ 46,168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95.1% จากงวดปีก่อน และเพิ่มขึ้น 142% จากไตรมาสก่อน หากไม่รวมรายการพิเศษ (กำไรจากการป้องกันความเสี่ยง 3,253 ล้านบาท) และผลจากอัตราแลกเปลี่ยน (+4,501 ล้านบาท) กำไรจากการดำเนินงานเท่ากับ 38,413 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.1% จากงวดปีก่อน และเพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาสก่อน ดีกว่าคาดของตลาดที่เฉลี่ย 30,144 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากเงินปันผลจากการลงทุนในกองทุนรวม 4,310 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการปกติเพิ่มขึ้น จากงวดปีก่อน หนุนโดยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ที่มาร์จิ้นของโรงแยกก๊าซฯ ปรับขึ้นจากราคาขายสูงขึ้นแต่ต้นทุนก๊าซฯลดลง อีกทั้งกำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นเพิ่มขึ้นตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน หนุนโดยบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) จากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และธุรกิจก๊าซฯ ตามปริมาณขายก๊าซฯ ผ่านท่อ และค่าใช้จ่ายที่ลดลงจากการปรับคุณภาพก๊าซฯ ธุรกิจก๊าซฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เท่ากับ 22,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.4% จากงวดปีก่อน 9.9% จากไตรมาสก่อน

ธุรกิจน้ำมัน มี EBITDA 5,931 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% จากงวดปีก่อน และเพิ่มขึ้น 39.8% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบไตรมาสก่อน เป็น 6,740 ล้านลิตร ธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่น EBITDA ลดลง 2.4% จากไตรมาสก่อน เป็น 32,553 ล้านบาท ตาม Accounting GRM ที่ลดลง 14.6% จากไตรมาสก่อน เป็น 6.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลธุรกิจถ่านหิน EBITDA เท่ากับ 1,231 ล้านบาท ลดลง 22.4% จากไตรมาสก่อน ตามปริมาณขายที่ลดลง 35.7% หลังเหมือง Sebuku หยุดผลิตจากเหตุดินถล่มในเดือน ม.ค.60

แนวโน้มผลประกอบการปกติในไตรมาส 2/60 คาดอ่อนตัวเล็กน้อยจากไตรมาสแรก โดยการอ่อนตัวลงของผลประกอบการกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ได้แก่ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิอคอล (PTTGC) และบมจ.ไทยออยล์ (TOP) ยกเว้นบมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ที่คาดกำไรจะปรับตัวขึ้นหลังหยุดซ่อมบำรุงในไตรมาส 1/60 คาดจะได้ชดเชยบางส่วนจากกำไรธุรกิจหลักที่แข็งแกร่ง ปริมาณขายก๊าซฯ ผ่านท่อเพิ่มขึ้นตามการผลิตไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน ปริมาณขายธุรกิจน้ำมันเพิ่มขึ้น ส่วน PTTEP คาดมีผลประกอบการทรงตัวเมื่อเทียบต่อไตรมาส


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ