ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะสามารถทำกำไรได้ดีเช่นเดียวกับช่วงไตรมาส 1/60 ที่กำไร บจ.เติบโตถึงกว่า 21% ขณะที่แนวโน้มเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ยังคงไหลเข้า เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้ดี และ ตลท.เตรียมจัดงานใหญ่เพื่อส่งเสริมการลงทุนในตลาดทุนไทย
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยว่า กำไรของ บจ.ในช่วงที่เผลือของปีนี้จะมีการเติบโตในทิศทางเดียวกับช่วงไตรมาส 1/60 ที่มีการเติบโต 21% จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยคาดว่าราคาน้ำมันจะยังคงจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบัน หรือไม่ได้ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการของกลุ่มพลังงานออกมาดีอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์เริ่มฟื้นตัวแม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่เชื่อว่าธนาคารจะสามารถควบคุมผลกระทบต่อกำไรสุทธิได้ รวมทั้งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างจะได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม ภาวะการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงต้องมีความระมัดระวังความเสี่ยงในเรื่องของการเมืองและนโยบายด้านเศรษฐกิจของสหรัฐ ประกอบกับ ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย แต่ก็มองว่าการลงทุนในหุ้นยังได้ผลตอบแทนที่ดีและน่าสนใจ
อนึ่ง ตลท.แถลงว่า บจ.ใน SET รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 รวม 2.85 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.36% จากงวดเดียวกันในปีก่อน จากการฟื้นตัวของหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ขณะเดียวกันหมวดธุรกิจในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคยังคงเติบโตได้ดี
นางเกศรา กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มกระแสเงินทุนจากต่างประเทศจะยังทยอยเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยเริ่มฟิ้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งจากการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีอย่างเด่นชัด และจากการท่องเที่ยวเติบโตได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากรัสเซียที่เติบโตขึ้นมาก รวมถึงสัญญาณการลงทุนของภาคเอกชนเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งทำให้บริษัทจดทะเบียนของไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยยังคงมีทิศทางการเติบโตตามที่รัฐบาลคาดหมายไว้ที่ระดับ 3-4%
ขณะเดียวกัน ตลท.เตรียมจัดงานครั้งใหญ่เพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุนต่างชาติในเดือน มิ.ย. นี้ โดยในช่วงที่ผ่านมามองว่ากระแสเงินทุนจากต่างประเทศยังไม่เข้ามาในประเทศไทยมากนัก เป็นผลมาจากในปีที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปสูงกว่าตลาดในภูมิภาค ทำให้นักลงทุนต่างประเทศหันไปให้ความสำคัญกับตลาดหลักทรัพย์ของประเทศที่ปรับตัวขึ้นช้ากว่ากลุ่มมากกว่า