นายปราโมทย์ สุดจิตพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น (AS) คาดว่าปีนี้จะพลิกมีกำไรสุทธิ จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 216.68 ล้านบาท หลังตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตราว 10-20% จากระดับ 880.60 ล้านบาทในปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 1/60 สามารถทำกำไรสุทธิได้แล้ว 10.07 ล้านบาท จากการปรับโครงสร้างธุรกิจ และการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น รวมถึงกลับมาโฟกัสการสร้างรายได้จากเกมที่เปิดให้บริการอยู่ ขณะที่จะเปิดตัวเกมใหม่ในปีนี้รวม 13 เกมด้วย
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าจะล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมดในปี 61 จากปัจจุบันมีขาดทุนสะสมอยู่ราว 300 ล้านบาท หลังในช่วงไตรมาส 1/60 ได้นำส่วนเกินมูลค่าหุ้นมาล้างขาดทุนสะสมไปแล้ว 1 รอบ ซึ่งขาดทุนสะสมที่เหลือดังกล่าวก็จะใช้กำไรจากการดำเนินงานของงวดบัญชีปี 60 มาล้างขาดทุนสะสม หลังจากนั้นก็จะพิจารณาจ่ายเงินปันผลต่อไป
"ปีนี้เรามุ่งเน้นการกลับมาสร้างผลกำไร โดยได้กำหนดกลยุทธ์ของบริษัทไว้ 2 แนวทาง คือ การโฟกัส Product ที่เรามั่นใจจริง ๆ ไม่เน้นการลงทุนแบบหว่าน เน้นการนำเกมที่เคยเปิดบริการมาก่อน กลับมาเปิดใหม่เพื่อมั่นใจว่ามีฐานผู้เล่นที่กว้างมากพอ ประสบความเร็จในการเปิดเกม และมีการสร้างรายได้ที่แน่นอน รวมถึงการ Retention เกมปัจจุบันให้สร้างรายได้เพิ่มขึ้น จากการหาผู้เล่นใหม่ การจัดโปรโมชั่นที่โดนใจ และการใช้สื่อที่เข้าถึงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการโฟกัสเรื่องการควบคุมค่าใช้จ่ายโดยรวมขององค์กร"นายปราโมทย์ กล่าว
นายปราโมทย์ กล่าวอีกว่า ปีนี้บริษัทเตรียมเปิดตัวเกมใหม่เพิ่มรวม 13 เกม แบ่งเป็น เกมออนไลน์บนคอมพิวเตอร์ PC จำนวน 5 เกม และเกมบนมือถือ ราว 8 เกม คาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดตัวได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป และจะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3/60 และไตรมาส 4/60 โดยวางงบลงทุนด้านการตลาดไว้ที่ 10% ของรายได้รวม
ตลาดเกมในต่างประเทศ ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์ที่มีการเติบโตอย่างมาก จากเกมเก่าที่ยังมีผู้เล่นค่อนข้างมากอยู่ และในประเทศมาเลเซีย จากการเปิดตัวเกมในช่วงปลายไตรมาส 4/59 ซึ่งยังส่งผลดีต่อเนื่องมาในปีนี้ โดยบริษัทตั้งเป้าปีนี้จะมีสัดส่วนรายได้มาจากต่างประเทศเพิ่มเป็น 60% และในประเทศ 40% จากปัจจุบันมีรายได้จากต่างประเทศอยู่กว่า 50% และในประเทศอยู่ที่ 46-47%
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/60 โดยมีแผนเปิดตัว 1 เกม ในช่วงปลายไตรมาสสอง ทำให้การรับรู้รายได้ยังเข้ามาได้ไม่เต็มที่
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศไม่น้อยกว่า 10 ราย เพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คาดว่าจะสามารถสรุปความชัดเจนได้ภายในปีนี้ โดยเบื้องต้นวางงบลงทุนไว้ราว 100 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินลงทุนถือว่ามีเพียงพอ จากการเพิ่มทุนเมื่อช่วงปลายปีก่อน และผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น