ทรีนีตี้ มอง SET Index มิ.ย.แกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1530-1600 จุด แม้บาทแข็ง รอเกาะติดปัจจัยตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 1, 2017 12:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ประเมินการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยเดือน มิ.ย.60 จะยังคงแกว่งตัวไซด์เวย์ออกด้านข้างต่อไปในกรอบ 1530-1600 จุด แม้ว่าปัจจุบันค่าเงินบาทจะแข็งค่าค่อนข้างมาก แต่เป็นการแข็งค่าจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าตลาดพันธบัตร โดยเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังคงบริหารจัดการค่าเงินบาทในช่วงระดับ 34 บาท/ดอลลาร์ได้ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยนั้นถูกจำกัดด้วยพื้นฐานกำไรที่ไม่ได้เติบโตมากตามราคาหุ้นที่สูงอยู่ ดังนั้น กลยุทธ์จึงแนะนำให้ซื้อที่บริเวณแนวรับ 1530-1540 จุด และขายที่บริเวณแนวต้าน 1590-1600 จุด

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในเดือนนี้ ประกอบด้วย การเลือกตั้งทั่วไปของประเทศอังกฤษในวันที่ 8 มิ.ย.ซึ่งล่าสุดโพลสำรวจบ่งชี้ว่าพรรคอนุรักษ์นิยมที่นำโดยนายกรัฐมนตรีคนเก่า นางเทเรซา เมย์ มีคะแนนนำพรรคแรงงานอยู่ประมาณ 10% หากผลออกมาในกรณีจริง คาดว่าจะทำให้กระบวนการนำอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) มีแนวโน้มเป็นไปอย่างราบรื่น และน่าจะทำให้บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกอยู่ในเกณฑ์ดีต่อไป

ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 13-14 มิ.ย.คาดการณ์ว่าจะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 1.00-1.25% และประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯจะยังไม่มีการให้รายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นการลดขนาดงบดุล (Balance sheet) ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีผลกระทบที่มีนัยสำคัญ เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยนั้นเป็นสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่รับรู้ไปแล้ว

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการพิจารณาของ MSCI ในวันที่ 20 มิ.ย.ว่าจะนำหุ้นจากดัชนี A-Shares ของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการคำนวณดัชนี MSCI EM หรือไม่ เนื่องจากอาจจะมีผลกระทบต่อการปรับลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยได้บ้าง แต่หากเกิดขึ้นจริง ก็ไม่น่าจะมีนัยสำคัญมากนัก โดยคาดว่าน้ำหนักหุ้นไทยในดัชนี MSCI EM จะถูกปรับลดลงเพียงแค่ 0.01% จากปัจจุบันที่อยู่ที่ระดับ 2.2% หรือคิดเป็นเม็ดเงินไหลออกเพียงราว 5,000 ล้านบาทเท่านั้น

"ปัจจุบัน ดัชนีหุ้นไทยอยู่บริเวณ 1560 จุด ซึ่งอยู่ในระดับกึ่งกลางจากกรอบบนและกรอบล่างของเรา เราจึงยังไม่แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน หรือ ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นในทางใดทางหนึ่ง แนะนำถือหุ้นประมาณ 50% ของพอร์ตในเวลานี้ พร้อมเลือกถือหุ้นที่น่าสนใจเป็นรายกลุ่มไปก่อน"

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจประจำเดือน มิ.ย.ประกอบด้วย กลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับสภาวะตลาดเวลานี้ที่มีความผันผวนต่ำ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีรายได้มั่นคงและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง โดยแนะนำ BCPG, EGCO, RATCH

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าพื้นฐานน่าสนใจ เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว แนะนำหุ้น SCB, TCAP, TISCO กลุ่มบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปลายน้ำที่เริ่มเห็นการปรับตัวของ Spread ที่ดีขึ้น ได้แก่ AJ, PTL, VNT, UTP นอกจากนั้นยังสามารถที่จะดักซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มถูกนำเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET50 ในรอบถัดไป แต่ต้องเลือกหุ้นที่ราคายังไม่ปรับขึ้นมากนักได้แก่ BPP, JAS


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ